เผลอแป๊บๆ “วันเด็ก” ก็เวียนมาถึงอีกปี ปีนี้เด็กๆ ได้คำขวัญใหม่จากท่านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา จำกันได้หรือเปล่า…..จะว่าไปคำขวัญวันเด็กของบ้านเราก็คล้ายๆ กันทุกปีนั่นแหละ จำไม่ยากใช่มั้ย แต่เราเชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในใจ ความฝัน จินตนการ และความนิยมชื่นชอบโดยแท้จริงของเด็กๆ ทุกคนก็คือ “ของเล่น” สิ่งที่ช่วยสร้างรอยยิ้ม ความสุข ส่งเสริมจิตนาการและพัฒนาการของเด็กๆ มาทุกยุคทุกสมัย หากพ่อแม่ผู้ปกครองรู้จักเลือกของเล่นที่เหมาะสมกับวัยของพวกเขา ลูกหลานก็ย่อมเติบโตไปพร้อมกับศักยภาพที่งอกงามในตัวพวกเขาทีละเล็กละน้อยด้วย
ของเล่นนั้นมีมากมายหลายชนิดหลากรูปแบบ แต่มีของเล่นไม่กี่อย่าง ไม่กี่แบรนด์ที่สามารถครองใจเป็นที่นิยมของเด็กๆ มายาวนานหลายทศวรรษ….จากรุ่นสู่รุ่น และนี่คือ 6 ของเล่นยอดนิยมตลอดกาลของเด็กๆ ทั่วโลก ที่ bkk variety ขอยกไว้ให้เป็นตำนาน “ของเล่นของโลก” เลยล่ะกัน
เท็ดดี้ แบร์ (Teddy Bear)
กำเนิดเท็ดดี้แบร์เริ่มมาจากการ์ตูนนิสต์คนหนึ่งนาม คลิฟฟอร์ด เบอร์รีแมน เขาได้วาดการ์ตูนลงหนังสือพิมพ์ เดอะวอชิงตันโพสต์ ฉบับวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ.1902 เป็นภาพประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ แห่งสหรัฐฯ ปฏิเสธจะยิงลูกหมีที่ถูกจับล่ามเอาไว้กับต้นไม้ อันเป็นเรื่องที่เขาประทับใจจากการที่มีผู้มาเล่าให้ฟังว่า ประธานาธิบดีรูสเวลท์ ได้เดินทางไปมลรัฐมิสซิสซิปปี้เพื่อทำภารกิจและแวะล่าหมีในป่า แต่กลับไม่พบหมีให้ล่า จึงมีคนจับลูกหมีมาให้ พอประธานาธิบดีเห็นเข้าก็ปฏิเสธที่จะยิงลูกหมีที่ถูกล่ามเพราะสงสารมัน จึงบอกให้ปล่อยเข้าป่าไป เรื่องนี้กลายเป็นที่กล่าวขวัญและยกย่องการกระทำของประธานาธิบดีรูสเวลท์กันมาก ต่อมาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้สามีภรรยา “มอร์ริสและโรส มิชทอมส์” ที่เปิดร้านเครื่องเขียนในนิวยอร์คริเริ่มทำตุ๊กตาหมีขึ้นมา และตั้งชื่อมันว่า “เท็ดดี้แบร์” ตามชื่อเล่น (เท็ดดี้) ของประธานาธิบดีรูสเวลท์ ด้วยความที่ตุ๊กตาหมีดูน่ารักน่าเอ็นดู เลยทำให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนครอบครัวมิชทอมส์เลิกทำร้านเครื่องเขียน หันมาเปิดโรงงานผลิตหมีเท็ดดี้เป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งต่อมากลายเป็นบริษัทผลิตของเล่นยักษ์ใหญ่และมีชื่อเสียงมาถึงทุกวันนี้ในชื่อ Ideal Novelty and Toy ส่วนประธานาธิบดีรูสเวลต์ก็ได้ใช้ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้เป็นสัญญลักษณ์ในการหาเสียงเลือกตั้งจนได้เป็นประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 อีกด้วย จากนั้นมาเจ้าหมีเท็ดดี้ก็ถูกผลิตออกมาอีกหลายเวอร์ชั่นแพร่หลายไปทั่วโลก ทุกวันนี้ตุ๊กตาหรือของเล่นรูปหมีเท็ดดี้กลายเป็นของขวัญที่แฝงนัยให้เด็กมีความอดทนและเข้มแข็ง นิยมมอบให้เด็กที่กำลังเจ็บป่วยไม่สบาย สำหรับพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้แห่งแรกในโลก อยู่ที่เมืองแฮมเชียร์ ประเทศอังกฤษ ต่อมาก็มีอีกในหลายประเทศเช่นที่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และมีเท็ดดี้แลนด์ในเมืองไทย (พัทยา)
เลโก้ (LEGO)
ของเล่นยอดฮิตตลอดกาลของเด็กผู้ชายแบรนด์นี้ถือกำเนิดขึ้นจากชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า Ole Kirk Christiansen เขาเป็นช่างไม้มือหนึ่งของเมืองบิลลุนด์ (Billund) ประเทศเดนมาร์ก หลังวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ในปี ค.ศ. 1932 เขาตัดสินใจผลิตสินค้าหลายชนิดมาจำหน่ายเพื่อประคองธุรกิจของตัวเอง หนึ่งในนั้นคือ ของเล่นไม้ และวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนั้นทำให้ Ole Kirk Christiansen พลิกชีวิตจากช่างไม้กลายมาเป็นผู้สร้างตำนานของเล่นระดับโลก นั่นคือ ตัวต่อ LEGO ที่ได้ถือกำเนิดมาจากจุดนั้นเอง เขาได้นำชื่อ LEGO มาใช้เป็นชื่อบริษัทและชื่อสินค้าที่ผลิตออกมาจำหน่าย คำว่า LEGO มาจากรากศัพท์ภาษาเดนมาร์กว่า “LEG GODT” มีความหมายว่า “Play Well” หรือ “เล่นได้เล่นดี” ขณะที่ความหมายในภาษาละตินคือ “I assemble” หรือ“I put together” แปลว่า “ประกอบเข้าด้วยกัน” คริสเต็นเซนเป็นคนที่ใส่ใจในคุณภาพสินค้าของเขาอย่างยิ่ง เขาติดป้ายคติพจน์ในการทำงานไว้ที่โรงงานว่า “Only the best is good enough” หรือแปลได้ว่า “ต้องดีที่สุดเท่านั้นถึงจะดีพอ” คติพจน์นี้ยังคงใช้ต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ตัวต่อเลโก้ที่เราเห็นกันทุกวันนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรเมื่อปี ค.ศ.1958 ซึ่งเป็นปีที่ผู้ก่อตั้งและสร้างตำนาน LEGO ได้เสียชีวิตลง ลูกชายของเขาจึงขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน ต่อมาในปี1990 เลโก้ กรุ๊ป เป็นบริษัทผลิตของเล่นเพียงแห่งเดียวในยุโรปที่ติด 1 ใน 10 ผู้ผลิตของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก (นอกนั้นเป็นบริษัทของอเมริกาและญี่ปุ่น) และปี 1999 ตัวต่อเลโก้ (LEGO Bricks) ก็ได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งใน “ผลิตภัณฑ์แห่งศตวรรษ” (Products of the Century) โดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune Magazine) ปัจจุบัน LEGO Group ยังมีเจ้าของและดำเนินงานโดยตระกูลเดิมคือ Christiansen
บาร์บี้ (Barbie)
ถ้าเลโก้เป็นตำนานของเล่นของเด็กผู้ชาย “บาร์บี้” ก็น่าจะถือเป็นของเล่นในตำนานของเด็กผู้หญิง ตุ๊กตาแฟชั่นแบรนด์นี้นอกจากเป็นของเล่นแล้วยังเป็นของสะสมของเด็กผู้หญิงไปจนถึงหญิงสาวทั่วโลกอีกด้วย อันมาจากเสน่ห์ความสวยหรู สง่างาม น่ารักชวนหลงใหล และแน่นอนว่าสนนราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ เลย บาร์บี้ถูกผลิตออกมาหลายคอลเลคชั่น นับจากประวัติเริ่มแรกของบาร์บี้ เธอถือสัญชาติอเมริกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1959 จากการที่ Mrs.Ruth Handler เจ้าของบริษัทแมทเทล (Mattel) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลูกสาว “บาร์บาร่า” ทำให้เธอคิดประดิษฐ์ตุ๊กตาบาร์บี้ขึ้น และตั้งชื่อตุ๊กตาตามชื่อของลูกสาวว่า “บาร์บี้” หรือในชื่อเต็มว่า บาร์บี้ มิลลิเซ็น โรเบิร์ท (Barbie Millicent Roberts) โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานแสดงของเล่นที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันบาร์บี้ผลิตตุ๊กตาออกมาหลายรุ่น ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 หมวดใหญ่ คือ รุ่น Vintage Barbie (บาร์บี้รุ่นแรก ค.ศ.1959-1975 ) และรุ่น Modern Barbie (ผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 จนถึงปัจจุบัน) ได้มีการปรับเปลี่ยนโฉมหน้าบาร์บี้มาแล้วหลายครั้ง เช่นเวอร์ชั่นในปี 1967,1977 ,1992 และ 1999 ด้วยความนิยมอันยาวนานนี้ ทำให้บาร์บี้มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านตัว
รูบิค (Rubik Cube)
เจ้าของเล่นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์หลากสีนี้ เป็นของเล่นลับสมองไม่เฉพาะแต่เด็กๆ เท่านั้น ยังเล่นได้ทุกเพศทุกวัยด้วย รูบิกถูกคิดค้นขึ้นมาโดยนักประดิษฐ์ชาวฮังการีชื่อว่า Erno Rubik ในปี 1974 แต่มาฮิตกันจริงๆ จังๆ ในช่วงปี 1980 เมื่อบริษัท IDEAL TOYS ของสหรัฐอเมริกาได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตออกมาเป็นของเล่น Rubik Cube จนเป็นที่นิยมกันทั่วโลกจนถึงวันนี้ รูบิคถือเป็นของเล่นที่ส่งเสริมไอคิวและสร้างสมาธิให้เด็กๆ ได้อย่างดี จัดเป็นของเล่นในตำนานที่ทำยอดขายไปแล้วหลายร้อยล้านชิ้นทั่วโลก
อุลตร้าแมน (Ultraman)
เป็นของเล่นสุดโปรดของเด็กผู้ชายทั่วโลกเลยก็ว่าได้ สำหรับ “ยอดมนุษย์อุลตร้าแมน” ซึ่งเกิดมาจากทีวีซีรีส์ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีจำนวนตอนทั้งหมด 39 ตอน และมีท่าไม้ตายสุดฮิตที่อุลตร้าแมนเชี่ยวชาญมากที่สุด เป็นลำแสงทำลายที่ทรงอานุภาพมากเรียกว่า “ลำแสงสเปเซี่ยม” โดยปล่อยลำแสงสปาร์คออกมาด้วยท่าไขว่มือขวา (ที่มีพลังประจุลบ) และมือซ้าย (ที่มีพลังประจุบวก) เข้าด้วยกัน ท่านี้กลายเป็นท่ายอดฮิตที่เด็กชายทั่วโลกชื่นชอบและนำไปเลียนแบบกันตั้งแต่เด็กยันโตเป็นหนุ่ม ส่วนหุ่นยนต์อุลตร้าแมนที่ออกวางขายทั่วโลกและขายดิบขายดีต่อเนื่องยาวนานกว่าค่อนศตวรรษนั้น มาจากคนออกแบบสร้างหุ่นอุลตร้าแมน คือ โทรุ นาริตะ ซึ่งเลือกใบหน้าอุลตร้าแมนไว้หลายแบบ และมีคนไทย (สมโภชน์ แสงเดือนฉาย อดีตผู้สร้างผู้กำกับหนังยอดมนุษย์ในอดีต) ให้แรงบันดาลใจใบหน้าพระพุทธรูปมา ผู้ออกแบบ(คุณโทรุ)จึงเลือกใช้ใบหน้านี้ใส่ในอุลตร้าแมน (เวอร์ชั่นแรก มี 7 ตัว คือ อุลตร้าแมน อุลตร้าแมนโซฟี่ อุลตร้าเซเว่น อุลตร้าแมนแจ๊ค อุลตร้าแมนเอส อุลตร้าแมนทาโร่ และเจ้าแม่อุลตร้า) ซึ่งภายหลังมีการฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์กันยาวนานระหว่างคนไทยกับบริษัทผู้สร้างอุลตร้าแมนที่ญี่ปุ่น ส่วนอุลตร้าแมนเวอร์ชั่นต่อมาในยุคใหม่ ลิขสิทธิ์เป็นของญี่ปุ่นที่ออกวางขายไปทั่วโลก
มิกกี้เมาส์ (Mickey mouse)
ถ้าพูดถึงการ์ตูนดังของค่ายดิสนีย์ ทุกคนก็ต้องนึกถึงเจ้าหนูนาม MICKEY MOUSE ก่อนเลย มิกกี้เป็นตัวละครในการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆ ทั่วโลก เรียกว่าจากรุ่นสู่รุ่น ถ้านับอายุกันจริงๆ แล้วเด็กๆ คงต้องเรียกการ์ตูนตัวนี้ว่า “คุณปู่มิกกี้” กันเลยทีเดียวเพราะปีนี้มิกกี้เมาส์อายุอานามปาเข้าไป 88 ปีแล้ว ลักษณะเด่นของมิกกี้คือเป็นหนูตัวสีดำ สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง เขาถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 โดย วอลต์ ดิสนีย์ และ อับ ไอเวิร์กส ผู้ร่วมทีมมาด้วยกัน ครั้งแรกที่ออกฉายตัวมิกกี้ให้เสียงโดยวอลต์ ดิสนีย์ ที่มาหรือจุดกำเนิดของมิกกี้เมาส์ นั้นเกิดขึ้นบนรถไฟที่กำลังมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส ขณะที่วอลต์ ดิสนีย์ นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางเขาได้ลงมือสเก็ตช์ภาพคาแร็กเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดง ขึ้นมา โดยมี อับ ไอเวิร์กส ช่วยออกแบบรูปร่างลักษณะ จนมาสู่การ์ตูนเสียงเรื่องแรก “เรือกลไฟวิลลี่” (Steamboat Willie) คราวนั้นนสพ.นิวยอร์กไทม์เขียนวิจารณ์ไว้ว่า “เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก” โดยคาแร็คเตอร์ของมิกกี้ เมาส์ คือ มองโลกในแง่ดี กระตือรือร้น ถ่อมตัว เรียบง่าย และซื่อสัตย์ ชอบร้องอุทาน “Gosh” หรือบางครั้งก็ “Oh boy เขามีหวานใจชื่อว่า “มินนี่เมาส์” ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆ ทั่วโลกเช่นกัน นอกจากนี้มิกกี้เมาส์ยังมีสุนัขสีน้ำตาลเพื่อนรัก ชื่อว่า “พลูโต” ที่ซื่อสัตย์ ฉลาดและแสนรู้ ทั้งหมดได้กลายเป็นทั้งการ์ตูนและตุ๊กตาของเล่นในดวงใจของเด็กๆ โดยเฉพาะมิกกี้เมาส์นั้นได้กลายเป็นขวัญใจของเด็กๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเด็กหญิงหรือเด็กชาย หรือแม้กระทั่งพวกผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็ยังหลงรักคุณปู่ไม่เสื่อมคลายจวบจนวันนี้
