เมื่อผู้หญิงเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจะมีพัฒนาการอย่างหนึ่งคือ จะมีความสนใจผู้ชายจากกลิ่นของผู้ชายคนนั้น ที่สำคัญคือจะสนใจกลิ่นของผู้ชายที่มียีนพันธุกรรมที่ไกลจากตัวเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษที่ผู้ชายไม่มี (เช่น กลิ่นที่ว่าเหม็นสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่อาจจะเฉยๆ สำหรับผู้หญิงอีกคน หรืออาจเป็นกลิ่นที่ชอบสำหรับอีกคนหนึ่งก็ได้)
มีการวิจัยและทดลองจากนักวิจัยเกี่ยวกับยีนพันธุกรรมในเม็ดเลือดขาวตัวหนึ่ง ที่สัมพันธ์กับกลิ่นกายของคนเรา มีชื่อย่อว่า HLA หรือ Human Leukocyte Antigen ในสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีการนำเอาเสื้อเชิ้ตที่นักศึกษาชายจำนวนหนึ่งใส่เป็นเวลาสองวันมาให้นักศึกษาหญิงอีกจำนวนหนึ่งดม และให้ลงคะแนนเรื่องกลิ่นกับเสื้อเชิ้ตแต่ละตัว และผลที่ออกมาพบว่า ผู้หญิงแต่ละคนนั้นมีแนวโน้มในการเลือกผู้ชายที่มี HLA ที่แตกต่างจากตัวเอง
จากการทดลองต่อเนื่องเกี่ยวกับกลิ่นที่ว่านี้ในประเทศญี่ปุ่น ก็พบว่า HLA ที่เราได้รับจากพ่อของเรานั้น มีผลทำให้ผู้หญิงเกิดสัญชาติญาณเลือกผู้ชายที่มียีนพันธุกรรมไกลจากตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (โดยไม่รู้ตัว) ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นสัญชาติญาณในการดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์เรานั่นเอง เพราะยิ่งยีนพันธุกรรมไกลกัน แตกต่างกันเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น เด็กที่เกิดมาก็ค่อนข้างจะเก่ง แข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคที่ดี สามารถเอาตัวรอดได้ในสภาพแวดล้อมหลายแบบ พูดง่ายๆ ก็คือมีโอกาสที่จะสืบทอดเผ่าพันธุ์ของเราต่อไปได้ดีมากกว่าเด็กที่เกิดจากยีนที่ใกล้เคียงกัน
ขณะเดียวกันเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เด็กผู้หญิงจะรู้สึกถึงกลิ่นตัวของพ่อได้ง่าย ทำให้รู้สึกไม่ชอบกลิ่นของพ่อตัวเองซะอย่างนั้นก็มีไม่น้อย นี่คือพัฒนาการอย่างหนึ่ง เพราะเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เด็กผู้หญิงจะไม่ชอบกลิ่นของผู้ชายที่มียีนทางพันธุกรรมใกล้เคียงกับตนเองขึ้นมา พลอยรู้สึกเบื่อพ่อหรือญาติบางคนที่มียีนใกล้เคียงกับตัวเองไปด้วย
ที่น่ามหัศจรรย์ก็คือ เมื่อผู้หญิงตั้งครรภ์ จะกลับมาชอบกลิ่นของผู้ชายที่มียีนพันธุกรรมใกล้เคียงกับเราอีกครั้ง เพราะสัญชาติญาณต้องการจะได้รับความคุ้มครอง ช่วยเหลือปกป้องลูก และอยากรู้สึกปลอดภัยตามสัญชาติญาณของความเป็นแม่ หลายคนเมื่อแต่งงานมีลูกแล้วก็อาจจะกลับไปสนิทกับครอบครัวเดิมและใกล้ชิดญาติๆ มากขึ้น
อย่างไรก็ตามที่กล่าวมานี้อยู่บนพื้นฐานที่ว่า กลิ่น “มีผล” ต่อการเลือกผู้ชายของผู้หญิง ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องเลือกผู้ชายจากกลิ่นกันหมด แต่การทดลองดังกล่าวทำให้พบความเป็นไปได้ที่คนเราจะสนใจในสิ่งที่รู้สึกว่า ‘แตกต่างจากสิ่งที่เราเป็นอยู่’ บางอย่างที่เหมือนกันมากเกินไปจึงอาจไปกันไม่รอด หรือบางทีการที่เราชอบคนต่างชาติต่างภาษาขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล จึงอาจเป็นผลมาจากสิ่งนี้ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นยีนพันธุกรรม HLA ที่ไกลกัน ไม่เกี่ยวกับหน้าตาหรือนิสัยแต่อย่างใด และไม่ได้หมายความว่ายีนพันธุกรรมอื่นๆ ทุกตัวไปคนละทางกันหมด อย่างที่บอกมาข้างต้นว่า HLA นั้นอยู่ในเม็ดเลือดขาวที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานโรคของคน ผู้หญิงมีความสามารถในการดมกลิ่นหาคนที่มี HLA ตัวนี้ไกลจากเราได้ เพื่อที่จะได้สร้างลูกหลานที่มีความแข็งแรง ต้านทานโรคได้ดีเท่านั้นเอง จึงไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องหลงรักคนที่แตกต่างประหลาดจากเราไปเสียหมด
การทดลองนี้อาจจะช่วยตอบคำถามบางคนได้ว่า ทำไม? เราถึงชอบผู้ชายบางคนอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่คนๆ นั้นก็ไม่ได้หล่อรวยหรือยังไม่ทันได้พูดคุยทำความรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ นั่นอาจเป็นเพราะเราชอบกลิ่นของเขาโดยไม่รู้ตัว และเขาอาจจะเป็นคนที่มียีนพันธุกรรมตัวที่ว่าอยู่ไกลจากเราที่สุดในที่นั้นหรือเท่าที่เราเจอมานั่นเอง