อะไรคือ Method Acting เทคนิคการแสดงขั้นสุดจากฮอลลีวูด ถึง ‘ไอซ์ซึ’ ในสงครามส่งด่วน

13

ใน สงครามส่งด่วน หรือ Mad Unicorn ซีรีส์ไทยน้ำดี แนวดราม่าธุรกิจสุดเข้มข้นที่กำลังสตรีมอยู่บน Netflix ตอนนี้ นำแสดงโดย ‘ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์’ ในบท สันติ มีการลดน้ำหนักให้ผอมลง รวมถึงการไปอบผิวให้สมจริง ตามคาแรคเตอร์จนดูไหม้เกรียมแดดจากการทำงานหนัก เพื่อให้เหมือนกับต้นแบบตัวจริงเจ้าของเรื่องราวนี้ นี่ยังรวมไปถึงการที่ไอซ์ซึต้องไปเรียนภาษาจีน ไปศึกษากระบวนการทำงานในบริษัทขนส่งจริง ๆ และลงพื้นที่ไปกับเหล่าไรเดอร์ตัวจริงด้วย เพื่อสัมผัสชีวิตการทำงานจริง เพื่อเข้าถึงตัวตน ความคิด ไปยันจิตวิญญาณของตัวละคร

ก่อนทำการแสดงในซีรี่ส์เรื่องนี้ ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้กันดีในวงการและสำหรับแฟนๆ ที่ติดตามงานแสดงของเขามาอย่างต่อเนื่องก็จะรู้ว่า ไอซ์ซึเป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ใช้เทคนิค Method Acting อย่างหนักในหลายบทบาทชนิดที่ว่าทุ่มเทและให้เวลากับการเอทดูเคทคาแรคเตอร์อย่างจริงจัง เช่นตัวละครเด่นๆ ที่เขาแสดงโดยใช้ Method Acting อย่างบทเด็กปั๊ม ในเรื่อง “แก๊สโซฮัก รักเต็มถัง” (2016) ที่เขาขึ้นไปใช้ชีวิตจริงเป็นเด็กปั๊มน้ำมันทางภาคเหนือ
เพื่อซึมซับสำเนียงการพูดและการใข้ชีวิตของคนท้องถิ่น หรือการลดน้ำหนักถึง 14 กก. เพื่อให้เนียนไปกับบทบาทนักวาดการ์ตูนที่มีอาการทางจิต ในซีรีส์ “The Collector คนประกอบผี” (2018) ไปจนถึงการไปขลุกกับภาพศพจริงๆ เพื่อเข้าถึงบุคลิกของฆาตกรโรคจิตสุดโหดในซีรีส์ “Voice สัมผัสเสียงมรณะ” (2019) หรือการลดน้ำหนักจนผอมบักโกรกและโกนหัวเพื่อเข้าถึงคาแรคเตอร์ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ในภาพยนตร์ “One for the Road” (2021) ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงวิธีลดนน.คือ กินแต่ฝรั่งวันละลูก

เทคนิคการแสดงแบบนี้สำหรับสายงานนักแสดง เรียกพวกเขาว่า Method Actor ซึ่งก็คือนักแสดงที่ใช้การแสดงแบบ Method acting อันเป็นวิธีการแสดงที่ลงลึก ไม่ใช่แค่เปลี่ยนชุด หรือ เมคอัพให้เหมือน แต่เปลี่ยนทั้งจิตวิญญาณ รวมถึงศึกษาพฤติกรรม ความคิดของตัวละคร เพื่อให้เข้าถึงบทบาทมากที่สุด

วิธีการนี้มาจากนักแสดงฮอลลีวูดหลายคนที่สร้างตำนานให้ภาพยนตร์กลายเป็นที่จดจำ ไม่ว่าจะเป็นระดับปรมาจารย์ด้าน Method acting ตัวพ่ออย่าง โรเบิร์ต เดอนีโร หรือนักแสดงหญิงยอดฝีมืออย่าง ชาลิซ เธอรอน ก็เคยใช้วิธี method acting ที่ถือว่าทรงพลังที่สุดคนหนึ่ง จากการสวมคาแรคเตอร์ฆาตกรต่อเนื่องหญิงในหนัง Monster(2003) มาแล้ว เธอทั้งเพิ่มน้ำหนัก โกนคิ้ว ใช้ฟันปลอม เดินหลังงอ เพื่อถ่ายทอดบุคลิกจริงๆ ของไอลีน..หญิงเร่ร่อนที่กลายมาเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่โหดที่สุดของอเมริกา

แต่ถ้าจะเลือกใครสักคนมาพูดถึงความทุ่มเททั้งชีวิตจิตใจให้กับเทคนิคการแสดงสาย method ในยุคนี้ที่ต้องนับว่าโหดเอาเรื่องถึงขั้นทำให้ชีวิตเขาเกือบเสี่ยงอันตรายใกล้สู่ขิตอยู่หลายรอบ จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจาก คริสเตียน เบล คนนี้ ไปเจาะลึกถึงการแสดงแบบ Method Acting สุดโหดของเขากัน

หลักการของ Method Acting
Method Acting คือเทคนิคการแสดงที่มีรากฐานมาจาก Stanislavski System (ระบบของสตานิสลาฟสกี้)
และได้รับความนิยมในหมู่นักแสดงฮอลลีวูดโดยเฉพาะในศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา เทคนิคนี้เน้นให้ “กลายเป็นตัวละคร” ไม่ใช่แค่ “เล่นเป็น” แม้จะไม่มีประสบการณ์ตรงกับบทบาท แต่นักแสดง Method จะใช้จินตนาการขั้นสูงว่าตัวเอง “รู้สึกอย่างไร” ถ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตัวละคร นักแสดงบางคนจะใช้ชีวิตนอกจอเหมือนตัวละครจริงๆ เช่น เปลี่ยนการพูด การกิน การแต่งตัว หรือแม้แต่ใช้ชื่อของตัวละครในชีวิตจริงชั่วคราว สิ่งสำคัญคือการสังเกต
และฝึกฝนร่างกาย ตัวอย่างเช่น แดเนียล เดย์-ลูวิส ที่ใช้ชีวิตเหมือนคนพิการในกองถ่าย และตลอดการถ่ายทำ เพื่อรับบทชายพิการใน My Left Foot / ฮีธ เลดเจอร์ ในบท Joker ที่ต้องแยกตัวไปใช้ชีวิตในโรงแรมคนเดียวหลายเดือนเพื่อฝึกเสียงและท่าทางของโจ๊กเกอร์ / Lady Gaga ใน House of Gucci ที่เธอได้เปลี่ยนการพูดเป็นสำเนียงอิตาเลียนทั้งในและนอกกองถ่ายอยู่นานหลายเดือน / เมอริล สตรีฟ ใน The Iron Lady (2011)ที่เธอรับบทเป็น “มาร์กาเรต แธตเชอร์” อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เธอฝึกพูดด้วยสำเนียงแธตเชอร์อย่างเข้มข้น และใช้การสวมบทอยู่ในตัวละครทั้งในกองถ่ายและนอกกล้องบางช่วง ซึ่งการปรับสำเนียงตัวละครแบบนี้ เธอเคยใช้มาก่อนแล้วในหนัง Sophie’s Choice (1982) เมอรีลถึงขั้นไปเรียนภาษาโปแลนด์และเยอรมันเพื่อรับบท “โซฟี” หญิงชาวโปแลนด์ในค่ายกักกันนาซี เธอยังลดน้ำหนักและเปลี่ยนสำเนียงอย่างเป๊ะสุดๆ

แดเนียล เดย์-ลูวิส (My Left Foot)

แม้วิธีนี้จะสร้างพลัง และความสมจริง ให้ผู้ชมได้อินกับบทบาทของพวกเขา แต่มันก็ส่งผลกระทบหลายอย่าง ทั้งเรื่องสุขภาพ ที่บางคนต้องลดน้ำหนักให้ผอม หรือเพิ่มน้ำหนักให้อ้วน รวมไปถึงบางคนอาจเครียด และอินกับบทบาทจนทำให้แยกชีวิตจริงกับบทบาทไม่ออก คริสเตียน เบล (Christian Bale) คือนักแสดงชาวอังกฤษที่ได้รับการยอมรับในวงการฮอลลีวูดในฐานะนักแสดงที่ “ทุ่มสุดตัว” เพื่อบทบาทที่เขาได้รับ ด้วยพรสวรรค์ทางการแสดงที่เหมือนกับ “แปลงร่าง” ได้อย่างน่าเหลือเชื่อในแต่ละบท

เขายังได้รางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Fighter (2010) มาแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นคือ ความสามารถในการพลิกบทบาทได้อย่างสุดขั้ว ตั้งแต่บทมหาเศรษฐีฆาตกรโรคจิตใน American Psycho ไปจนถึงซูเปอร์ฮีโร่อย่าง Batman ภายใต้การกำกับของ คริสโตเฟอร์ โนแลน

หนึ่งในบทบาทที่แสดงให้เห็นถึงความสุดโต่งของการเป็น Method Actor ของ คริสเตียน เบล คือภาพยนตร์เรื่อง The Machinist หลอน ไม่ หลับ ในปี 2004 เรื่องนี้ คริสเตียน เบล รับบทเป็นช่างเครื่องผู้มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรังจนร่างกายทรุดโทรม เขาลดน้ำหนักลงไปกว่า 27 กิโลกรัมภายในเวลาไม่กี่เดือน ด้วยการกินเพียงแอปเปิ้ลวันละลูกและกาแฟ เขายังเลิกเข้าสังคม หลีกเลี่ยงแสงแดดและบังคับตัวเองให้นอนไม่พอเพื่อให้เข้าถึงภาวะ “จิตหลอน”
และความทรุดโทรมของตัวละคร ผลลัพธ์คือร่างกายที่แห้งผากจนเห็นแต่กระดูกและใบหน้าที่ซูบลงจนผู้ชมหลายคนคิดว่าร่างกายของเขาใช้เทคนิค CGI ที่สมจริง จนกระทั่งภาพเบื้องหลังการถ่ายทำถูกเปิดเผยออกมา ว่าเป็นของจริง
ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากวิจาร์ณถึงความปลอดภัยในสุขภาพร่างกายของเขา…

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็รับบทเป็น บรูซ เวย์น ใน Batman Begins (2005) ซึ่งต้องกลับมาสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มกว่า 45 กิโลกรัมภายในเวลาไม่ถึง 6 เดือน เพื่อให้เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของฮีโร่ผู้แข็งแกร่ง สิ่งที่น่าทึ่งคือ
จากตัวละครป่วยร่างผอมโทรมในเรื่อง The Machinist ปี2004 คริสเตียน เบล เปลี่ยนจากร่างที่ซูบผอมแบบ “มนุษย์ใกล้ตาย” ไปเป็นนักรบในเงามืด Batman Begins ในปีถัดไปได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการกินอาหารวันละ 5,000 แคลอรี และออกกำลังกายแบบมาราธอนเพื่อเทรนกล้ามเนื้อใหม่ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เพียงแค่ทุ่มเท แต่ยังมีวินัยในการ Method แบบขั้นสุดด้วย

ในปี 2010 ภาพยนตร์เรื่อง The Fighter คริสเตียน เบล รับบทเป็นอดีตนักมวยผู้เสพติดยาเสพติด เขาทำการลดน้ำหนักอีกครั้ง พร้อมศึกษาพฤติกรรมของผู้ติดยาอย่างละเอียด เพื่อให้แสดงออกมาได้สมจริงที่สุดจนได้รับรางวัลออสการ์จากบทนี้ในภาพยนตร์อาชญากรรม American Hustle ปี 2013 ต่อมา คริสเตียน เบล รับบทนักต้มตุ๋นร่างอ้วนพุงพลุ้ยในยุค 70 เขาต้องเพิ่มน้ำหนักอีกครั้งกว่า 18 กก.พร้อมกับงอหลังและก้มหัวอยู่ตลอดเวลา จนกระดูกสันหลังได้รับผลกระทบ หลังถ่ายทำเสร็จ เขาให้สัมภาษณ์ว่า ต้องไปกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสภาพหลังที่ได้รับแรงกดทับจากการ “เปลี่ยนบุคลิกกายภาพ” ตลอดหลายเดือน

อีกผลงานหนึ่งที่โดดเด่นคือ Vice ในปี 2018 เขารับบทเป็น ‘ดิ๊ก เชนีย์’ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คราวนี้ต้องเพิ่มน้ำหนักกว่า 20 กิโลกรัม เพื่อให้มีรูปลักษณ์คล้ายกับ ดิ๊ก เชนีย์ ตัวจริง พร้อมทั้งเรียนรู้กิริยาท่าทางจนคล้ายมากอย่างเหลือเชื่อ นอกจากนี้ เขายังโกนคิ้ว ย้อมผม และสวมหุ่นปลอมในบางฉากเพื่อให้เนียนกับทุกช่วงอายุของตัวละครจนผู้ชมแทบไม่รู้ว่านั่นคือ คริสเตียน เบล ทำให้เขาได้รับคำชมมากมายจากหนังเรื่องนี้ และได้เข้าชิงออสการ์อีกครั้ง

แต่ทว่า อันตรายที่ คริสเตียน เบล ได้รับจากการ Method แม้การเป็น Method Actor จะสร้างชื่อเสียงให้เขาอย่างมาก แต่สิ่งที่ตามมาคือ ผลกระทบทางสุขภาพที่น่ากังวล การลดและเพิ่มน้ำหนักแบบสุดขั้วในระยะเวลาสั้น ๆ ส่งผลให้ระบบเผาผลาญของเขาเสียหาย อีกทั้งยังเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว และโรคระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเขาเองก็เคยยอมรับว่า แพทย์เตือนให้หยุดการเปลี่ยนรูปร่างแบบหักโหมอย่างนี้ ถ้ายังทำอีกอาจถึงตายได้เลยทีเดียว

ในบทสัมภาษณ์หลายครั้ง คริสเตียน เบล เผยว่าเขาเคยรู้สึก “ใกล้ตาย” ขณะถ่ายทำ The Machinist เพราะร่างกายอ่อนแออย่างรุนแรง เขาเหนื่อยง่าย หน้ามืด และขยับตัวลำบาก กล้ามเนื้อเริ่มฝ่อลงอย่างเห็นได้ชัดทุกการเคลื่อนไหวกลายเป็นเรื่องที่ทรมานสุดกับความผอมระดับนี้ แต่นั่นคือสิ่งที่เขายอมแลก เพื่อให้ได้บทบาทสมจริงที่สุด
แต่ในระยะหลังมานี้ คริสเตียน เบล เริ่มระวังสุขภาพมากขึ้น ไม่ได้สุดโต่งแบบเมื่อก่อน และยอมรับว่าการทุ่มเทถึงขั้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแนะนำให้ใครทำ เขาเล่าว่า “มันอาจจะดูเท่ในสายตาคนอื่น แต่ร่างกายเราไม่ลืมหรอกว่าเราเคยทรมานมันขนาดไหน” คำพูดนี้สะท้อนความจริงของการเป็น Method Actor ได้อย่างเจ็บปวด เพราะในบางกรณีก็เป็นการเข้าถึงบทบาทที่ส่งผลทางจิตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกรณีของ ฮีท เลดเจอร์ ในบท Joker จากภาพยนตร์ The Dark Knight ในปี 2008 เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ผู้คนพูดถึงมากที่สุดในแง่ของ “การทุ่มเทจนเกินขีดจำกัด” และมีหลายเสียงที่ตั้งคำถามว่า การเข้าถึงบทบาทอย่างลึกซึ้งจนเกินไปอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่จุดจบของเขาหรือไม่?

ในส่วนของนักแสดงไทยสาย method อย่าง ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ ดูเหมือนเขาจะศึกษาวิธีการนี้มาเป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งไอซ์ซึเคยให้สัมภาษณ์ว่า ถึงแม้จะทุ่มเทกับ Method Acting ขนาดไหนก็ต้องเป็นการทุ่มเทที่ไม่ทำร้ายร่างกายหรือสภาพจิตใจของตัวเอง ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจในวิธีการนี้อย่างลึกซึ้งและมีสติในการนำไปปฏิบัติด้วย.

ที่มาข้อมูล: https://www.youtube.com/@FantasyAll