เคยไหมที่จู่ ๆ ก็รู้สึกใจสั่นเหมือนกลองรัว เหงื่อออกท่วมตัว หายใจไม่อิ่ม เหมือนกำลังจะขาดใจตาย ? อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ความตื่นเต้น แต่เป็นสัญญาณเตือนของ “อาการโรคแพนิค” ภาวะตื่นตระหนกเฉียบพลันที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีสาเหตุ และสร้างความทรมานให้แก่ผู้ประสบปัญหาอย่างมาก
ในบทความนี้ เราจะมาเช็กด่วนว่าอาการโรคแพนิคที่พบบ่อยนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อให้คุณสังเกตตัวเองและคนใกล้ชิดได้ทันท่วงที
อาการทางกาย…ที่มาพร้อมความตกใจ
เมื่อเกิดอาการโรคแพนิค ร่างกายจะตอบสนองต่อความกลัวอย่างรุนแรง ทำให้เกิดอาการทางกายต่าง ๆ ที่อาจทำให้หลายคนตกใจและคิดว่าตัวเองกำลังป่วยร้ายแรง ซึ่งอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นแรง : อาการนี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดอย่างหนึ่งของโรคแพนิค ผู้ป่วยจะรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมา
- เหงื่อออก : ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในสภาพอากาศร้อนหรือออกกำลังกาย แต่ร่างกายกลับขับเหงื่อออกมามากผิดปกติ
- ตัวสั่น หรือสั่นเทา : รู้สึกเหมือนร่างกายควบคุมไม่ได้ สั่นไปทั้งตัว หรือสั่นเฉพาะบางส่วน เช่น มือและขา
- หายใจไม่อิ่ม หรือรู้สึกเหมือนหายใจติดขัด : อาการนี้สร้างความทรมานและความกังวลอย่างมาก ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ
- แน่นหน้าอก หรือรู้สึกอึดอัด : เหมือนมีอะไรมากดทับอยู่บนหน้าอก ทำให้หายใจลำบาก
- คลื่นไส้ ปั่นป่วนในท้อง หรือรู้สึกไม่สบายท้อง : ระบบทางเดินอาหารก็ได้รับผลกระทบจากความตื่นตระหนกเช่นกัน
- วิงเวียนศีรษะ โคลงเคลง หรือรู้สึกเหมือนจะเป็นลม : การเปลี่ยนแปลงของระบบไหลเวียนโลหิตอย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้
- ชาตามมือ เท้า หรือรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม : ความรู้สึกผิดปกติทางประสาทสัมผัสก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้
อาการทางจิตใจ…ที่น่าหวาดกลัวไม่แพ้กัน
นอกจากอาการทางกายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว ผู้ป่วยที่มีอาการโรคแพนิคมักจะมีความรู้สึกทางจิตใจที่รุนแรงควบคู่กันไปด้วย เช่น
- กลัวตาย : ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดอย่างหนึ่ง ผู้ป่วยจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
- กลัวควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือกลัวเป็นบ้า : ความรู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียการควบคุมสติสัมปชัญญะ ทำให้เกิดความกังวลอย่างมาก
- รู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเอง หรือสิ่งรอบข้างไม่จริง (Derealization/Depersonalization) : เป็นความรู้สึกแปลกแยกจากตัวเองหรือจากสภาพแวดล้อม เหมือนอยู่ในความฝัน
สรุป : อย่าละเลยสัญญาณเตือน และรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
อาการโรคแพนิคที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาการที่พบบ่อยเท่านั้น แต่ละคนอาจมีประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง รุนแรง และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เพราะการเข้าใจและรับมือกับโรคแพนิคอย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้