5 พ.ค.66 รายการ “โหนกระแส” ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ตอบโจทย์ความสงสัยของหลายคนในเรื่องราวของดาราสาวท่านหนึ่งไปสั่งซื้อไซยาไนด์ จนเฉลยออกมาแล้วว่าคือ “ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร“
เรื่องนี่แตกประเด็นมาจาก แอม ไซยาไนด์ วันนี้จะพูดคุยกันใน 2 ภาคส่วนในเรื่องของ ไอซ์ ปรีชญาว่าไปซื้อมาได้ยังไง กับอีกภาคส่วนนึงที่เป็นประเด็นใหม่น่าสนใจ หลังจากทาง “บิ๊กโจ๊ก” บอกว่าทางแอมต้องการเจอกับคนสนิทคนหนึ่งเพื่อให้มาเป็นพยาน แล้วเขาจะพูดทุกสิ่งกับตำรวจฟังว่ามันคืออะไรบ้าง
แล้วเราไปเจออีกหนึ่งบุคคล นามสมมุติว่า ก. เขาบอกเลยเขาคือคนที่แอมต้องการพบ และมีรายชื่อ ที่ต้องถูกเรียกตัวไปคุยเพราะแอมบอกกับคนๆ นึงว่าขอให้ไปพบ
ไอซ์คุณเป็นโควิด?
ไอซ์ : “เป็นค่ะ แต่ว่าหายแล้ว เมื่อวานที่บอกยังเป็นโควิดเพราะอยากตรวจให้แน่ใจก่อนว่ามันไม่สองขีดแล้ว เมื่อวานไอซ์ยังสองขีดจางๆอยู่”
เรื่องราวของไซยาไนด์มันเกิดอะไรขึ้น?
ไอซ์ : “ไอซ์นั่งดูข่าวกับแฟน ก็เห็นในข่าวว่าสารไซยาไนด์มันเป็นสารอันตราย เลยว่าจะสั่งมาจัดการสัตว์ร้ายที่เข้ามาในบ้าน แฟนหนูบอกว่าที่ต่างประเทศไม่สามารถซื้อได้นะ มันเป็นสารอันตราย เขาอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์มันผิดกฎหมายแน่นอน บุคคลธรรมดาไม่สามารถสั่งได้ หนูก็บอกว่านี่ไทยแลนด์ หนูว่าสั่งได้ ยูเห็นไหมว่ามันมีข่าวออกมา แสดงว่าเขาสั่งได้ แฟนหนูไม่เชื่อ บอกไม่จริงหรอก มันน่าจะกวาดไปหมดแล้วไม่น่าจะมีขายในออนไลน์แล้ว หนูก็เลยเสิร์ชกูเกิ้ลคำว่าไซยาไนด์ มันก็ขึ้นมาหมดเลยในเว็บ”
บอกก่อนว่าการสั่งไซยาไนด์ผิดกฎหมายนะ นี่คือกรณีศึกษา เป็นอุทาหรณ์ อย่าไปคิดสั่ง?
ไอซ์ : “สั่งไปเรียบร้อยแล้ว เราก็ไม่คิดหรอกว่าเราจะได้ เราเป็นคนธรรมดา อีกอย่างข่าวก็มีออกมา ก็คิดว่าไม่น่าจะสั่งได้หรอก แต่ด้วยความที่เราอาจจะพลาดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไอซ์อยากให้เรื่องของไอซ์เป็นกรณีตัวอย่าง ไอซ์ไม่รู้ว่าสารนี้ อันตรายและผิดกฎหมาย ตัวไอซ์ไม่ทราบ หลังจากสั่งไปแล้ว 2-3 วัน ก็มีพัสดุส่งมาที่บ้าน หนูไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าหนูจะสั่งได้ เราคิดว่าเราคงโดนหลอก แล้วก็มีพัสดุส่งมา แม่บ้านเป็นคนแกะ เขาก็ตั้งของไว้ที่โต๊ะกินข้าว เราเห็นของก็ตกใจมาก ขวดมันเหมือนกับในข่าวเลย เหมือนกันเป๊ะ หนูไม่กล้าที่จะแกะหรือทำอะไรกับมันเลย เพราะใจเราคิดว่ามันไม่ได้แน่ๆ แต่พอได้มาจริงๆหนูก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับมันยังไงดี มันอยู่ตรงนี้แล้ว ก็เลยเอาไปเก็บ แล้วบอกคุณแม่ว่ามันสั่งได้นะแม่ เราควรจะทำยังไงดีกับมัน เราก็เก็บมันไว้โดยที่เราไม่ได้แกะ ไม่ได้ใช้อะไรเลย”
ความจำเป็นในขั้นที่ต้องซื้อไซยาไนด์มาใช้มันคืออะไร?
แม่บังอร : “คือบ้านของเราอยู่มานานแล้ว เป็นบ้านหลังริมสุดติดกำแพง แล้วมีคลองอยู่ข้างๆ วันนึงก็มีโครงการนึงมาขึ้น เขามาตอกเสาเข็ม บ้านเราก็ทรุด แล้วมันคงจะเกิดโพลงขึ้นมา อีกฝั่งที่มันร้าวจากการตอกเสาเข็ม ทางนิติเขาก็แค่มาซ่อมรอยร้าวให้ แม่เลยทุบด้านข้างทั้งหมด ตัวเงินตัวทองแม่ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามันเป็นสัตว์สงวน ทำอะไรมันไม่ได้ มันก็เข้ามากินหมา กินแมวบ้านเรา ตัวแม่มันก็ขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน ใต้ฝ้า เราก็อยู่กันด้วยความหวาดกลัว
ที่สำคัญกว่านั้นคือเราเจองูเหลือม มันขึ้นไปอยู่บนโต๊ะทางข้าว เราเจองูเห่ามาฉกหมาบ้านเราตาย แม่แก่แล้วตาไม่ดี เห็นแล้วสะดุ้งมาก แม่กลัวงูมาก ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านด้วยความกลัว พอมันเกิดเรื่องนี้ขึ้นมันมีข่าวขึ้นมา ใช่ เราซื้อจริง เราไปแสดงตัวที่ สน.บางเขน แล้วก็นำไซยาไนด์ไปให้ตำรวจ ถ่ายรูปลงบันทึกประจำวันว่าเราไม่ได้เปิดใช้นะ หนึ่งเราไม่ทราบว่าการมีสารไซยาไนด์แล้วมันผิดกฎหมาย เราไม่มีความรู้เรื่องนี้ แล้วเราไม่รู้ว่าตัวเงินตัวทองเราไปฆ่าเขาไม่ได้เพราะเป็นสัตว์สงวน อ้าว แล้วถ้ามันมากินหมา กินแมวบ้านเราแบบนี้ล่ะ ตำรวจยังบอกว่างั้นคุณก็จัดการเขาได้ แม่เลยบอกตกลงมันฆ่าได้หรือฆ่าไม่ได้กันแน่ แล้วยังมีงู สัตว์มีพิษต่างๆอีก ไอซ์โดนตะขาบกัดด้วย ตำรวจก็แนะนำว่าให้เราไปซ่อมบ้าน ซึ่งเราอยู่ในหมู่บ้านที่ค่อยข้างแพงมากด้วยนะ
ก็ให้ตำรวจเก็บสารไว้เป็นหลักฐาน เขายังโน้ตทิ้งท้ายไว้ในใบแจ้งความเลยว่าจะมารับกลับไปเมื่อไหร่ก็ได้ เราเลยไม่รู้จริงๆว่ามันมีความผิดเหรอ?
แม่จะบอกว่าแม่ซื้อไซยาไนด์ ในความรู้สึกว่าอยากจะใช้กับสัตว์เหมือนเป็นยาเบื่อหนู?
แม่บังอร : “ใช่ค่ะ เราทำมาทุกวิถีทางแล้ว แต่มันก็ได้แค่สัตว์เล็กๆ”
พอมีข่าวออกมารู้เลยไหมว่าเป็นเรา?
แม่บังอร : “นักข่าวให้อักษรย่อมาว่านางเอกร้อยล้านอักษร อ. แม่ก็ตอบไปว่าเราซื้อจริง แม่ตอบไปด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ได้ปิดบัง เราบอกหมดว่าเราซื้อมาจริง ด้วยจุดประสงค์อะไร เราแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการเอาสารนี้ไปให้ตำรวจ ตำรวจยังบอกเลยว่าฝากไว้ก่อน จะมารับคืนเมื่อไหร่ก็ได้ ในเมื่อตำรวจยังไม่รู้เลยว่าการมีสารนี้ในครอบครองมันผิดกฎหมาย แล้วประชาชนอย่างเราจะทราบได้ยังไง ว่ามันได้หรือไม่ได้ เราไม่ได้มีเจตนา เจตนาของเราคืออะไรเราพูดอย่างชัดเจน”
“แต่มันมีเพจนึง ที่เขียนประเด็นที่กระทบกับงานน้องมากๆ เนื่องจากมีข่าวนี้ออกมา เราถูกแคนเซิลงานน้องร้องไห้ตลอดเวลา แล้วมันมีเพจนึงเอารูปผู้จัดการของน้องที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้วมาขึ้นคู่กับน้องทำนองว่าอาจจะตายเพราะอย่างนี้รึเปล่า ซึ่งการซื้อเป็นการซื้อครั้งแรก ไปสอบประวัติได้เลย น้องไม่เคยซื้อยานี้มาก่อน เราไม่เคยรู้จักมาก่อน”
ทนายแก้วมองเรื่องนี้ยังไงบ้าง?
ทนายแก้ว : “คืออย่างนี้ครับ ราชบัญญัติวัตถุอันตรายกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าไว้ครอบครองมีความผิด มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ถึงแม้จะใช้หรือไม่ใช้คือผิดทันที เข้าน้องเลยครับ น้องเขาจะต้องไปรับทราบข้อกล่าวหา มันผิดจริงๆ
ผมเข้าใจวัตถุประสงค์ของน้องกับคุณแม่ดีว่าจะเอาไปใช้กับสัตว์เลื้อนคลาน แต่กฎหมายอ้างไม่รู้ไม่ได้ครับ ผมเข้าใจถึงเจตนาบริสุทธิ์ใจ ผมเข้าใจว่าพนักงานสอบสวนบางท่านก็ไม่ทราบด้วยซ้ำถึงมีรีมาร์คไว้ท้ายบันทึกประจำวันให้มาเอาคืนได้”
“คือสารนี้มันคือวัตถุอันตรายที่3 มีไว้ในครอบครองไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งเอาไปผสมกับสารอาหาร ยา เครื่องสำอางยิ่งมีความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท มาตราอันนี้ไม่เข้าน้องเพราะยังไม่ได้มีการใช้”
ตำรวจเรียกแม่กับน้องไปเมื่อไหร่?
แม่บังอร : “ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเมื่อไหร่ อาจจะเป็นวัน ศ. ค่ะ โดยส่วนนึงมันเกิดจากความไม่รู้ในเรื่องของสารร้ายแรงแบบนี้”
ไอซ์ร้องไห้ จน หนุ่ม กรรชัย ถามว่าไหวไหม ก็ยังมีคนกลุ่มนึงที่เป็นห่วง ไอซ์ เพราะไอซ์เป็นซึมเศร้า เขาก็กังวลใจว่า ไอซ์สั่งไป จะเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ไอซ์มองเรื่องนี้ยังไง?
ไอซ์ : “ไอซ์เข้าใจนะคะ แต่ไอซ์ไม่ได้มีเจตนาใช้มันอยู่แล้ว หนูเข้าใจว่าความเป็นห่วงมันมีอยู่แล้วค่ะ หนูรู้ตัวดีว่าหนูทำอะไร หนูไม่ได้ป่วยจนถึงขั้นต้องการที่จะทำร้ายตัวเองแบบนั้น”
แม่บังอร : “เราเป็นคริสต์เตียนตั้งแต่รุ่นคุณตาแล้ว การที่เราจะเอายามาทำร้ายตัวเอง ฆ่าตัวเองมันเป็นบาปที่พระเจ้าจะไม่ให้อภัย ฉะนั้นเราไม่คิดทำ และไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย แล้วโรคซึมเศร้าของน้องก็ไม่ได้เป็นในระยะอันตราย น้องอยู่ในการดูแลขอบคุณหมอมาตลอด”
ในกรณีที่มีคนเอารูปไอซ์ ไปขึ้นกับผู้จัดการส่วนตัวที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว แล้วมีบางคนเอารูปไอซ์กับผู้จัดการมาขึ้นคู่กันกับข่าวที่ไอซ์ ไปซื้อยา มันเลยทำให้บางคนมองว่าไอซ์อาจจะเคยซื้อยาแล้วไปวางยาโกโก้ ผู้จัดการ ตรงนี้ทรมานจิตใจของไอซ์มาเลยในตอนนี้?
ไอซ์ : “(ร้องไห้) หนูพูดไม่ออกเลยค่ะ พอเห็นข่าวแล้วรู้สึกแย่ ไม่น่าจะโยงแบบนั้นได้ ผู้จัดการเสียไปนานแล้ว ทางเพจเขียนชื่อย่อหนู เหมือนให้ลองคิดดูว่าตายช่วงเวลาเดียวกันกับเหยื่อนะ สื่อไปในทางว่าหนูรึเปล่าที่เป็นคนวางยาผู้จัดการแล้วก็มีการไปพูดต่อกัน (มันสะเทือนใจเรามาก?) ใช่ค่ะ”
แม่บังอร : “เขารักผู้จัดการคนนี้มาก พี่โก้ป่วยอยู่โรงพยาบาลแม่ก็ได้ไปเยี่ยม เวลาที่แกป่วยแกจะไม่บอกใคร พอแกไม่มาตามน้อง แม่ก็เลยไปตามแก ก็เลยรู้ว่าแกอยู่โรงพยาบาล กำลังให้ออกซิเจนอยู่ ที่หมอบอกคือหัวใจวาย แกอยู่โรงพยาบาลประมาณ5-6วัน แล้วกลับมาอยู่บ้าน วันที่เขาเสียคือไม่มีใครอยู่บ้านเลย แม่เป็นคนที่ไปที่บ้านแล้วเป็นคนจัดงานศพให้เขา เขาเป็นอีกคนนึงที่รักน้องมา ไอซ์เลยสะเทือนใจกับเรื่องนี้”
ในเมื่อมันเป็นสารอันตรายแต่ทำไมมันยังมีวางขาย ประชาชนหาซื้อกันได้อยู่?
ทนายแก้ว : “เรื่องนี้ต้องถามเจ้าหน้าที่ภาครัฐครับ กรมโรงงานเป็นหน่วยงานที่ต้องดูแลรับผิดชอบโดยตรง ผมก็แปลกใจว่ามีการปล่อยออกมาให้จำหน่ายได้ง่ายได้อย่างไร ตรงนี้เป็นเรื่องของความหย่อนยาน ในส่วนที่เราไปสั่งซื้อได้ ความผิดมันก็ควรจะต้องแยกส่วนกัน ในส่วนนี้เราก็ต้องให้การรับสารภาพอธิบายถึงเหตุผลของเรา ถึงแม้เราจะเป็นดารา หากเรากระทำผิด เราก็ต้องได้รับโทษในส่วนที่เรากระทำผิด ถ้าเรายอมรับ อธิบายถึงที่มาที่ไปชัดเจนผมว่าตำรวจและพนักงานสอบสวนเขาเข้าใจถึงเหตุและผลครับ”
ไอซ์อยากจะบอกอะไรกับผู้ชมไหม?
ไอซ์ : “ตอนนี้ไอซ์รู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ ไอซ์ต้องขอโทษ ขอโทษจนไม่รู้ว่าจะขอโทษยังไงแล้ว อยาให้กรณีของไอซ์เป็นกรณีตัวอย่างอย่าเพิ่งไปสั่งยาอะไร ถ้าเรายังไม่รู้ อย่าสั่งสารอะไรพวกนี้เลย อยากให้ดูว่าขนาดไอซ์เองก็ยังสามารถสั่งได้ คนทั่วไปเองก็สามารถสั่งได้ อยากให้กรณีของไอซ์เป็นอุทาหรณ์กับทุกคนว่าอย่าไปสั่งอะไรแบบนี้เลย เพราะมีความผิดจริงๆ”
แม่บังอร : “ตอนนี้แม่รู้ว่าน้องสั่งซื้อ แม่ก็เหมือนกับคนทั่วไปคือเราไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายของสารมีพิษน้องบอกให้แม่รู้ แม่ก็ไม่ได้ห้ามเขาเพราะเราไม่รู้จริงๆว่าการมีไว้ในครอบครัวมันผิดกฎหมาย ด้วยความที่เรากลัวสัตว์มีพิษที่มันมาทำลายทรัพย์สินบ้านเรา ไม่รู้เมื่อไหร่ว่ามันจะมาถึงตัวเรา เจตนาคืออยากให้คนมองน้องและครอบครัวของเราถึงเจตนาที่เราสั่งซื้อมาโดยที่เรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ แม่ยังคุยกับน้องเลยว่าจังหวะนรกมากๆเลยของเรา เรามาสั่งซื้อในเวลาที่มันเป็นกระแสอยู่ เราก็ยินดีหากตำรวจจะเรียกไปให้ปากคำ เราก็ยอมรับ ฝากเป็นเคสอุทาหรณ์ถึงการที่เราไปซื้อของพวกนี้มา”
เหมือนกรณีบุหรี่ไฟฟ้าที่ข้อกฎหมายระบุว่าผิดกฎหมาย แต่ยังมีขาย อันนี้ก็คือผิด แต่ยังมีขาย แล้วเรื่องนี้เราจะทำยังไงกันต่อไป?
ทนายแก้ว : “ผมว่าช่วงนี้คงจะเป็นมาตราการของทางภาครัฐ และอีกหลายๆหน่วยงานเข้ามาแก้ไขในจุดนี้ คิดว่าไม่น่าจะนาน คงจะออกมาแบบเคร่งครัดพอสมควร แต่สิ่งที่ผมขออนุญาตให้ความเป็นธรรมกับน้องก็คือ จะเอารูปผู้จัดการของน้องไปตัดต่อ ไปต่อเรื่องเอง ว่าน้องอาจจะมีส่วน มันไม่แฟร์กับน้องเลย ในกรณีนี้ถ้าเราคิดว่าการกระทำของบุคคลภายนอกมากระทำให้เราเสียหายเราสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ในข้อหาหมิ่นประมาทครับ”
อีกประเด็นถัดไปที่เราจะพูดคุยกัน ถึงกรณี แอม ไซยาไนด์ ที่ “บิ๊กโจ๊ก” ได้แถลงข่าวว่า แอม ต้องการพบคนสนิท 1 คน หากได้พบแล้วจะยินดีเล่าเรื่องราวต่างๆนานาที่เกิดขึ้นให้ตำรวจฟัง ช่วงเช้า ทางทนายของแอม ได้เดินทางไปหา แอม หลายคนมุ่งประเด็นไปว่า น่าจะเป็นทนายของทางฝั่งทนายคนนี้แหละที่ แอมอยากเจอ
แล้วก็พบ ข้อมูลจากทาง วินวิน ปรากฎว่าเคสนี้บอกว่าตัวเธอเองจริงๆแล้วต้องเป็นพยานให้กับ แอม ว่าเขาใส่ชื่อเธอว่าขอให้ไปพบที่ทัณฑสถาน วันนี้เราพูดคุยกับทางฝั่ง คุณ ก (นามสมมุติ) “อ้อ ชลิดา พะละมาตย์” เจ้าหน้าที่มูลนิธิวินวิน และทนาย “แก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกลรัตนกุล” รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่ข้อมูลสภาทนายความ
ไปรู้จัก แอม ได้ยังไง?
ก. (นามสมมุติ) : “รู้จักแอมจากการที่เราไปสถานที่แห่งนึงที่เราไปใช้บริการ ระหว่างรอคิวทำธุระก็ได้นั่งเก้าอี้ติดกัน เลยคุยกัน ทักทายกันตั้งแต่ช่วงปี 63 จากนั้นก็สนิทสนมกันในฐานะคนรู้จัก คุยกันถูกคอ แล้วบ้านอยู่จังหวัดใกล้กัน เล่นแชร์ด้วยกัน”
ในวงแชร์ของคุณมีคนเสียชีวิต?
ก. (นามสมมุติ) : “มีค่ะ เป็นครูอ๊อด แต่คนละเรื่องกับที่แอมเขาเป็นท้าวนะคะ”
สนิทสนมถึงขึ้นไปไหนมาไหนกับแอมตลอดเวลา?
ก. (นามสมมุติ) : “ไม่ตลอดเวลา ไปเป็นบางครั้ง เวลาเขามาหา เขาก็จะพาไปเราก็ไปกับเขา แอมไม่ได้เป็นหนี้ดิฉัน ดิฉันเป็นมือแชร์วงที่3 ราคา 20,000 บาท มีสมาชิก 6 คน เสียชีวิตไป 1 คน แอมไม่ใช้ท้าวแต่เป็นน้องนัท แอมเป็นสมาชิกที่ไปเล่นที่อื่น คือไม่ทราบและไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาเป็นท้าวแชร์”
เห็นว่าเคยไปกับแอมแล้วได้ดื่มอะไรบ้างอย่างด้วยแล้วมีอาการแปลกๆ?
ก. (นามสมมุติ) : “จริงค่ะ ก็คือไปทานข้าวกับแอม เขาก็จะชอบเล่าประสบการณ์การขายของใน tiktok เขาทำแล้วคนเข้าแถวซื้อกันเลย หนูอยากให้พี่ช่วยชิมหน่อย ตอนนั้นยังไม่ได้เล่นแชร์กัน แต่ก็มีหนี้สินกันอยู่นะ คือดิฉันลงทุนกับเขา เขาบอกจะเอาเงินไปปล่อย ดิฉันก็ให้เขาไป 200,000 บาท
หลังจากนั้นเราก็คุยกันผ่านทางไลน์ตลอด น้องเขาบอกเดี๋ยวจะไปจังหวัดที่พี่อยู่ ไปกินข้าวกันหน่อยนะแล้วเขาก็เล่าเรื่องน้ำสมุนไพรให้ฟัง หลังจากทานอะไรกันเสร็จแล้วกำลังจะขึ้นรถ น้องเขาบอกว่าน้ำสมุนไพรมันอยู่ในรถหนู เขาก็เปิดลังโฟมออก ตรงนี้เรารู้สึกว่าเขาใส่ใจเรานะ ด้วยลังโฟมลังใหญ่แต่มีน้ำแช่อยู่ขวดเดียว เรามองว่าเขาใส่ใจและตั้งใจเอามาให้เรา เรามองไปแบบนั้น เขาก็เปิดน้ำส่งมาให้เรากิน
ก่อนชิมเราเห็นว่ามีตรายี่ห้ออยู่แต่ไม่ได้บอกส่วนผสม เรามองแล้วก็บอกเขาไปว่าพี่ว่าสีมันไม่ผ่านนะ มันดำเหมือนยาแก้ไอน้ำดำตราเสือดาว อยู่ในขวดคล้ายๆกับที่เขาใส่ขายน้ำเก๊กฮวย เขาก็เปิดฝาให้เรา เราก็กินไปประมาณ1ส่วน4 ของขวด มันรสชาติขมอย่างเดียวเลย จืด ไม่มีรสหวานอะไรเลย ก็เลยส่งคืน ก็บอกเขาว่าพี่ไม่กินแล้ว ถึงแม้มันจะมีประโยชน์แต่สีไม่ผ่าน รสชาติมันแปลกๆคือมันขมนำอย่างเดียวเลยดียังไงพี่ก็ไม่กิน เขาก็บอกมาว่าพี่แล้วจะแกะออกไหมว่ามีอะไรบ้าง เลยบอกว่าน่าจะเป็นกระบองเพชรนะแล้วเราก็ไม่กินเลย คืนให้เขาไปทันที”
หลังจากนั้นคุณมีอาการยังไงบ้าง?
ก. (นามสมมุติ) : “กินไปประมาณ 3 นาที พอเราขึ้นรถได้ เรารู้สึกเหมือนมันมีตัวอะไรวิ่งอยู่ในตัวเรา วี๊ดขึ้นมา รู้สึกเวียนหัว หน้ามืด ตาลายทันที หายใจไม่ออก มือไม่มีแรง ตัวเองก็พิงพนักพิง แล้วมีความรู้สึกว่ามันเหมืนอาการแบตเตอรี่จะหมด มันค่อยๆผ่อนลง ตัวเรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เลยหยิบโทรศัพท์โทรหาเขา บอกเขาว่ากลับมานี้เอาอะไรให้พี่กิน เขาก็มานะ มาด้วยอาการตกใจ ถามว่าพี่เป็นอะไรบ้าง แล้วก็ส่งน้ำให้กิน บอกกินน้ำก่อนไหม เราบอกไปว่าไม่กิน
บังเอิญว่าสามัญสำนึกตอนนั้นรู้ได้อย่างเดียวว่า สิ่งที่เรากินไปมันเป็นสารผิดปกติแล้วมันเข้าไปในร่างกายเรา เราจะทำยังไงต่อ เขาก็ถามว่าไปโรงพยาบาลไหมพี่ เขาจะเรียก1669 ให้ เรารู้สึกว่าระยพทางจากตรงนั้นถึงโรงพยาบาลประมาณ 20 นาที เราคิดแล้วว่าไปโรงพยาบาลเราคงไม่รอด เราพยายามหายใจแต่มันเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว เลยหันไปเห็นน้ำ 1.5 ลิตร ถ้าไปโรงพยาบาลหมอก็คงใช้วิธีการล้างท้อง”
ตอนนั้นคิดว่าเราจะตายไหม?
ก. (นามสมมุติ) : “ก้ำกึ่งนะคะ คิดว่าเราเป็นอะไรไม่รู้ จะว่าเหมือนอาการเมาก็ไม่เชิง แต่มันไม่ใช่การเมาตอนนั้นเราก็คิดขึ้นมาได้ว่าหลักการล้างท้องของหมอคือใส่เข้าทางจมูก แล้วลงกระเพาะ ใจนึกเอาน้ำ 1.5 ลิตรนี่แหละ กินเข้าไปทั้งหมดให้มันแน่น แล้วล้วงคอให้อ้วกออกมา จากนั้นรู้สึกเหมือนดีขึ้น เลยหยิบอีกขวดนึงมาทำแบบเดิม ก็เริ่มหายใจได้ อาการชาปลายมือปลายเท้ามันเบาลง แต่อาการเวียนหัวยังมีอยู่”
ขณะนั้นแอมก็ยืนอยู่ข้างๆ?
ก. (นามสมมุติ) : “แอมก็ยืนอยู่ข้างๆ อาการเขาเหมือนตกใจ บอกว่าพอไหมพี่เอาน้ำที่หนูไหม แต่เราเห็นน้ำในมือเขามีรอยเปิดเลยไม่เอา”
ตอนนั้นคิดว่าเขาวางยาเรา?
ก. (นามสมมุติ) : “โทรไปถามเขาเลยว่าเอาอะไรให้พี่กิน เขามาที่รถเราเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้เอาอะไรให้เรากินนะ เป็นน้ำสมุนไพรจริงๆ ตอนนั้นก็สงสัยนะ แต่พฤติกรรมที่เขาไม่ได้ทิ้งเราไปไหน เขายืนตัวแข็งทื่อเขาถามว่าเขาช่วยอะไรได้บ้าง เราก็บอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวเราจัดการตัวเอง เขาก็ถามว่าพี่ขับรถไหวไหมหลังจากที่ดีขึ้นเราก็บอกต่างคนต่างกลับไป แล้วเราก็กลับไป ไปในสภาพที่เหยียบรถแค่ 20 ไปเรื่อยๆ ถึงบ้านก็ให้ลูกสาวซื้อน้ำมะพร้าวมา 3 ถุง เคยจำจากที่พ่อสอนไว้ว่าน้ำมะพร้าวล้างพิษได้ ก็กินเข้าไป 3 ถุงอาการก็ค่อยๆดีขึ้น
ประมาณ4 ทุ่ม น้องเขาก็ทักมาว่าพี่เป็นยังไงบ้าง ก็ได้เล่าให้ฟัง เขายังถามเรา เป็นห่วงเป็นใยเรา เขาไม่เคยลบแชต ไม่มีพฤติกรรมปิดบังอะไร เขาจะถามเหมือนคนทั่วไป เป็นยังไงบ้าง ไปหาหมอรึเปล่า พี่เป็นอะไร พี่สันนิษฐานว่าพี่เป็นอะไร ก็เลยบอกเขาว่าไปถามสิว่าน้ำสมุนไพรเขาใช้อะไรสกัด เขาก็บอกว่าเป็นหัวบีทรูทอะไรซักอย่าง
ตอนเช้าเราก็เลยไปตลาดให้แม่ค้าคั้นน้ำบีทรูทให้ดู ตัวนี้มันจะออกเป็นสีชมพูม่วงๆ ก็เอามากิน2 ขวด ดูว่าเรามีอาการแบบนั้นไหม ก็ไม่กิน เราไม่กลัว เราอยากทดลอง”
มั่นใจว่าน้ำสมุนไพรขวดนั้นไม่ใช้บีทรูทแล้ว?
ก. (นามสมมุติ) : “ค่ะ ก็บอกเขาไปว่าไม่ใช่บีทรูทแล้ว มันต้องเป็นอย่างอื่น ก็ปรึกษาเพื่อนที่เป็นหมอ ว่าถ้าเกิดการที่เรากินอะไรเข้าไปจากหัว ตามหลักการและทฤษฎี หัวก็คือราก มันจะดูดซึมสารพวกนี้ได้ แม้ว่าเรากินเข้าไปแล้วมันจะทำให้เราเป็นอย่างนี้ เพื่อนหมอบอกว่าพี่ถ้ากินอย่างนั้นคนก็ตามกันทั่วประเทศแล้วเพื่อนให้ข้อคิดมาว่าเขาเจตนาใส่ให้พี่รึเปล่า อยู่ให้ห่าง นี่คือคำเตือนของเพื่อน หลังจากนั้นเราก็ยังพูดคุยทางไลน์ตามปกติ”
จากแชตคุณยืนยันกับทางแอมเลยว่าต้องมีสารเคมีอยู่ในนัำสมุนไพร?
ก. (นามสมมุติ) : “ใช่ค่ะ คือเขาก็บอกว่าน้ำสมุนไพรตัวนี้เขาซื้อกินประจำอยู่ เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันที่ 25 พ.ย. ปี 63 เราจำได้จากหลักฐานในแชต เรื่องเกิดประมาณบ่ายโมง”
ในเมื่อคุณโดนมาขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณถึงจะกระโดดลงจากรถหนี?
ก. (นามสมมุติ) : “คือไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
บอกว่ามีบุคคลคนนึงโทรหาว่า คุณต้องไปเป็นพยานให้แอม และแอมอยากเจอคุณในทัณฑสถาน และคุณมีชื่ออยู่ในนั้นด้วยจริงไหม?
ก. (นามสมมุติ) : “จริงค่ะ เราพูดกันในเชิงความคิดส่วนตัวนะคะ นี่คือความคิดแบบพี่ เขาช้ำอยู่แล้วเราก็ไม่อยากจะไปซ้ำ พี่เคยเป็นลูก พี่เคยมีแม่ พี่เคยมีลูก ผู้หญิงสิ่งที่ห่วงที่สุดคือแม่กับลูก เมื่อเขาอยู่ในนั้นแม่เขาก็เป็นทุกข์ ลูกเขาจะเป็นยังไง แอมเขาก็เป็นทุกข์ว่าแม่กับลูกเขาจะอยู่ยังไง คุณแม่ของแอมก็ฝากพี่ให้เอาเงินให้ไปน้องหน่อย แม่ไปไม่ได้ ตรงนี้คิดว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ช่วยได้ก็ช่วยไป”
วันนี้เขายืนยันขอให้คุณเป็นพยาน ในมุมไหน?
ก. (นามสมมุติ) : “อันนี้ไม่ทราบว่าในมุมไหน แต่รายชื่อเขาเยี่ยมและฝากของเป็นชื่อพี่ค่ะ ก็ไม่รู้ว่านอกจากเราแล้วจะมีใครอีกรึเปล่า”
ในส่วนของผู้เสียชีวิตรายอื่นๆคุณรู้จักไหม?
ก. (นามสมมุติ) : “รู้จักน้องอ๊อด น้องน้อย น้องก้อย”
วันที่ 25 พ.ย ปี63 เป็นวันเสียชีวิตของหนิม เป็นเหยื่อที่อยู่มุกดาหาร เขาได้รับยาจากแอม ส่งไปให้ตอนเช้า แล้วหนิมก็ทานยาในวันนั้น แล้วเสียชีวิต วันเดียวกัน 25 พ.ย. ปี 63 ที่ จังหวัดเพชรบุรี ทางฝั่งของคุณยืนยันว่าได้กินน้ำบางอย่างและอยู่กับแอมในเวลานั้นในช่วงบ่าย คุณยืนยันนะ?
ก. (นามสมมุติ) : “ยืนยันค่ะ”
คิดว่าคดีนี้แอมมีส่วนเกี่ยวข้อง?
ก. (นามสมมุติ) : “ไม่สามารถตอบได้ แฟนก็ถามว่าใช่ไหม เราก็บอกแฟนว่าเรากินจริง แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าที่เรากินมันใช่ตัวนั้นที่เขาใส่ลงไปไหม เหตุการณ์มันผ่านไปจนเราไม่ได้สงสัยเขาไง เราเพิ่งมาสะกิดใจตอนที่ข่าวออก เรามีความรู้สึกว่าเราก็กินนะ แต่เราไม่ตาย หรือเราจะแพ้หัวอันนั้นจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ตอบไม่ได้ เรากินนะแต่เรารอดมาได้”
คุณอ้อไปเจอ เคส คุณ ก. (นามสมมุติ) มาได้ยังไง?
อ้อ : “จากหวยทิพย์ที่เราตามหากาเหว่าก่อน ตัวตนเขาก็คือเป็นเพื่อนกับนิตยา ชื่อคุณฝน จากนั้นแอมก็โยงให้กลุ่มหวยทิพย์มาหาคุณ ก. คือเจ้ามือหวยรายใหม่ แล้วก็นัดกลุ่มหวยทิพย์มาเจอกับคุณ ก. เพื่อจะได้ลงทุนเริ่มต้นเล่นหวยกันใหม่ แต่คนกลุ่มนั้นไม่เชื่อใจ อ้อเลยขอข้อมูลคุณ ก. ก็สอบถามเขา ลงพื้นที่เลยทราบข้อเท็จจริง ตอนแรกเราตามหาแค่เรื่องหวย แต่พอคุยไปคุยมา เขาก็เล่าให้ฟัง แต่ในส่วนที่พี่เขาจะเป็นพยานอ้อ ไม่ทราบเลยจริงๆ อันนี้ต้องแล้วแต่พี่เขา เขารู้แค่ว่าแอมใส่ชื่อในเคสของก้อย แต่เคสอื่นพี่เขาไม่รับรู้”
ก. (นามสมมุติ) : “เขาบอกพี่ ยังไงขึ้นศาลเป็นพยานให้หนูนะ ประมาณนี้ เขาบอกตลอดว่าเขาไม่ได้ทำถามว่าเชื่อไหม โดยพฤติกรรมนิสัยเขานะ อันนี้เป็นความจริงที่เราสัมผัสจากเขา เขาเป็นคนขี้สงสาร เป็นคนชอบไปทำบุญ ชอบซื้อของมาฝากเป็นนิสัยเขาเลย หมาเป็นแผลนิดนึง ถึงเขาจะไม่รู้จัก เขาก็พยายามจะรักษาให้ เวลาไปตลาดด้วยกัน ปลาเป็นหนูไม่กิน ปูเป็นหนูไม่ต้ม เขาจะอยู่ในแนวๆนี้”
ในหลักจิตวิทยา หน้านึงเขาอาจจะเป็นคนดี เพื่อบังหน้าอีกหน้านึงเข้าไว้ คุณเคยได้ศึกษาหลักจิตวิทยาเรื่องนี้?
ก. (นามสมมุติ) : “ก็เคยนะ ก็คิดเหมือนกันนะคะ แต่การโดนของเราเราไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะหัวตัวนั้น ที่มันอาจจะเจอสารเคมีเยอะ เรายังมองในมุมโลกสวยอยู่ หลังจากนั้นเราก็ยังคบกับเขามาตลอดนะ”
คุณ ก.สามารถปฎิเสธในการเป็นพยานให้แอมได้ไหม?
ทนายแก้ว : “ก็เป็นสิทธิ์ของคุณ ก. การเป็นพยานมันสิทธิ์โดยเสรีอยู่แล้วแล้วแต่รูปคดีของทนายความตรงนี้ไม่ก้าวล้วง”
ก. (นามสมมุติ) : “เดี๋ยวจะกลับไปพิจารณา ถ้าการเป็นพยานแล้วทำให้รู้ว่าเขาผิดหรือไม่ผิด ความจริงกระจ่างก็ยินดีนะคะ แต่ถ้าเป็นในส่วนที่ทำให้เข้าใจผิดไปอีกแบบนึงก็คงจะไม่ค่ะ เพราะเราไม่รู้จริงๆว่าเขาผิดหรือไม่ผิด”
แล้วเขาให้คุณไปเป็นพยานเรื่องอะไร?
ก. (นามสมมุติ) : “ตัวเราเองก็ไม่รู้ เขาแค่บอกว่าขึ้นศาลให้พี่เป็นพยานนะ เขาทิ้งท้ายไว้แค่นี้ ตอนนั้นเห็นข่าวก้อย เลยถามเขาไป เขาเลยบอกว่าพี่ต้องเป็นพยานให้หนูนะว่าหนูไม่ได้ทำ เราก็ถามเขานะว่าแล้วพี่จะรู้ได้ยังไงว่าเธอทำหรือไม่ทำ เขาก็บอกว่าเวลาศาลถามพี่ก็ตอบตามข้อเท็จจริงที่พี่รู้ รู้อะไรก็รู้แค่นั้น แต่ถามว่าเขาทำไมเราไม่รู้ค่ะ”
คุณยังติดใจเรื่องของคุณอยู่?
ก. (นามสมมุติ) : “มันผ่านมานานแล้ว ไม่ติดใจอะไรทั้งนั้นเพราะเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาวางยาเรารึเปล่า ณ ตอนนั้น เพียงแต่เป็นข้อสงสัยส่วนตัว เวลาไปไหนมาไหนเราก็ระวังตัวกับคนๆนี้แค่นั้นเลย ถามว่าเราจะเอาคืน จะแก้แค้นเขาไหม ไม่มีความคิดนี้อยู่ในหัว เพราะเราไม่ได้ตายไง ถ้าเราตายแล้วเขาทำจริงก็เป็นเวรกรรมของเขา”
ถ้า 14 ศพตอนนี้มันเกิดขึ้นจากแอมจริงๆ คุณคิดว่ายังไง?
ก. (นามสมมุติ) : “ถ้าเขาทำเขาก็ต้องรับโทษไปแค่นั้นเลยค่ะ ถ้าได้ขึ้นไปในชั้นศาลดิฉันก็จะพูดแบบนี้ค่ะข้อเท็จจริงมันเป็นแบบนี้เล่ากี่รอบก็เป็นแบบนี้ แต่ถามว่าติดใจเขาไหม ปกติเราไม่ผูกพยาบาทกับใครอยู่แล้ว เราไม่ตายก็คือจบ”
เรื่องราวของหนิม ที่สามีเขาออกมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ทำคนทั้งประเทศสะเทือนใจ เรารู้สึกยังไงบ้าง?
ก. (นามสมมุติ) : “ก็รู้สึกไม่ต่างกัน เพราะวันที่เกิดเหตุการณ์ก็มีลูกชาย 10 ขวบกับลูกสาว 1 ขวบนั่งอยู่บนรถด้วย ลูกเห็นอาการแม่ตลอด ลูกเป็นคนส่งน้ำมาช่วยแม่จากด้านหลัง นั่นคือสิ่งหนึ่งที่เราไม่ให้แอมเรียกรถ 1669 เพราะถ้าเรียกมาแล้วลูกเราสองคนจะอยู่ยังไง ลูกก็อยู่ในรถกับเรา เราก็พยายามประคองรถกลับให้ถึงบ้านให้ได้”
หลังจากนี้จะคุยกับแอมต่อ?
ก. (นามสมมุติ) : “คิดว่าคุยได้นะ แต่จะเป็นพยานไหมต้องปรึกษาสามีก่อน”
เรื่องนี้จะยังไงต่อไป?
อ้อ : “พูดไม่ออกเหมือนกัน เราก็ต้องหาจิ๊กซอร์ตัวอื่น กำลังดูเรื่องรถของครูอ๊อด ที่มีการแจ้งมาว่าออกรถป้ายแดง แล้วแอมๆพาเอารถคันนี้ไปขาย ตอนนี้มีใบแจ้งหนี้มาที่บ้าน เรากำลังตรวจสอบอยู่ กำลังตามหาศูนย์นั้นที่แอมพาครูอ๊อดไปออก แปลว่าเขาต้องมีนายทุนมาซื้อรถคันนี้”
ก. (นามสมมุติ) : “เรื่องนี้พี่รู้ค่ะ รู้จากน้องอ๊อดมาเล่าให้ฟังว่าเขามีความเครียดเรื่องนี้ เพราะเขาไม่สามารถเอาเงินไปจ่ายค่างวดรถได้ ก็มีหมายมาเรียกไป เขาก็มาเราว่าแกจะทำยังไง เขาก็เลยเล่ารายละเอียดให้ฟัง แล้วเขาก็บอกว่าหนูมีอะไรจะสารภาพกับพี่ ในช่วงเย็นและเป็นประโยคสุดท้ายที่ได้คุยกันดูข่าวอยู่ ถามว่าตกใจไหม มันมีนิดนึงตอนที่เขาหายไปเขาบอกไปเสียที่โรงพยาบาล แต่ข้อมูลที่ข่าวออกมันไม่ใช่ เขาบอกว่าเขามีโรคประจำตัว ต้องอัดคีโม เราก็หวังว่าเขาจะรอดกลับมา เราก็บอกว่าจะไปเยี่ยมน้องที่โรงพยาบาล
ทางแอมบอกว่าไม่สามารถไปเยี่ยมได้ เพราะเขาไม่ให้เขา แต่เพิ่งมารู้ว่าจริงๆแล้วครูอ๊อดไม่ได้ไปโรงพยาบาล แกเสียที่บ้าน ข้อมูลไม่ตรงกัน”
แล้วคุณรู้ไหมว่า ทางแอมกับสามีไปทวงเงินครูอ๊อดว่าไปติดหนี้เขา?
ก. (นามสมมุติ) : “อันนี้ไม่ทราบค่ะ เพราะไม่รู้รายละเอียดอะไรบ้าง”
สุดท้ายแล้วอยากจะฝากอะไรบ้าง?
อ้อ : “อยากจะฝากถึงทนายความ ข้อเป็นตัวแทนของผู้เสียชีวิตทั้งหมดว่าทุกสิ่งทุกอย่างตอนนี้มันกระจ่างแล้ว แม้แต่เด็ก 10 ขวบดูข่าวก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งที่ทนายความมั่นใจว่าจะต่อสู้เพื่อคุณแอมในทุกคดีอย่างที่ทนายแก้วพูดว่าถ้าใครที่เป็นทนายความในคดีนี้แล้วเห็นสิ่งผิดปกติหลายอย่าง ก็จะคุยกับลูกความว่าให้หมอบ แต่ในส่วนของอ้ออยากให้ทนายขุดหลุมแล้วก็อยู่ในหลุมไปเลยดีกว่าในคดีนี้ ปัญหาตรงที่ว่าขุดยังไงเจอ นี่พูดในมุมมองของญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งอ้อทำเคสมาทุกวัน จนอ้อเองก็เครียดต้องเข้าโรงพยาบาลเลยเข้าใจหัวอกคนที่สูญเสียทุกคน เอาอะไรมาหลุดก่อน”
ทนายแก้ว : “ทนายแต่ละคนมีของเราไม่ว่ากัน แต่ผมอยากจะพูดในหลักกฎหมาย หลักของความเชื่อมโยงของพยาน มันมีความเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน ทั้งหมดทำงานร่วมกัน ดังนั้นที่ทนายบอกมีช่องโน่นช่องนี่ก็เรื่องของเขา แต่ความเห็นของผมศาลท่านพิจารณาคดีแบบนี้ ไม่น่ายากเลย เพราะมันเป็นเรื่องของพยานแวดล้อมที่มันมีความเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน มันไม่มีอะไรมองไม่ได้เลยแม้ว่าศพจะถูกเผาไปแล้วแต่ก็ตาม แต่ร่องรอย บาดแผลมันมีที่มาที่ไปอยู่แล้วครับ”
ถ้าแอมได้ออกมาจากเรือนจำ เขายื่นน้ำให้เราดื่มจะดื่ม?
ก. (นามสมมุติ) : “ไม่ดื่มค่ะ ไม่มีอะไรก็ไม่ดื่ม หลังจากเกิดเหตุการณ์แต่ยังไปมาหาสู่กัน พี่ไม่เคยทานอะไรของแอมอีกเลยค่ะ แล้วจะถามเขาเสมอเวลาเขาเอาอะไรมาให้ว่าวันนี้จะใส่ยาอะไรให้พี่กิน ถึงเขาไม่ติดคุกในทุกวันก็ไม่กินอะไรจากเขาอีกแล้วค่ะ“