“แม่น้องแมงปอ” เปิดใจท้อ ขอผ่อนได้มั้ย ถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง 12 ล้าน มั่นใจ 3 ปี มีเงินเข้าบัญชีไม่ถึง 80 ล้าน – ไม่เปิดรับบริจาค
จากกรณี “นางจันทกร ศรีวิชัย” แม่ของน้องแมงปออายุ 14 ปี ป่วยติดเตียง ร่ำไห้กลางไลฟ์ด้วยความเครียดหนัก ระบุถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เป็นจำนวนเงินมากหลัก 10 ล้านบาท ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายต้องดูแลน้องแมงปอ และยังต้องนำเงินที่เหลือมาเป็นทุนสำรองในการขายของหาเงินดูแลลูกต่อไป
รายการโหนกระแสวันที่ 30 พ.ย. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้สัมภาษณ์ แม่น้อง จันทกร มาพร้อม วินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกสรรพากร
แม่เป็นยังไงบ้าง?
แม่น้อง : แม่เครียดค่ะ
ก่อนหน้านี้ปี 59 แม่ไม่มีรายได้?
แม่น้อง : สามีทิ้ง แยกย้ายกันไปค่ะ
แม่มีลูกกี่คน?
แม่น้อง : แม่มีลูกกับสามีเก่าอีก 1 คน อายุ 31 แล้วก็น้องแมงปอ ตอนนี้อายุ 14 ปี ซึ่งคนโตก็ป่วย
คิดว่าน้อง 14 ป่วยคนเดียว?
แม่น้อง : คนโตป่วยต้องรักษาที่รพ.ประสาท ตอนเรียนจบเป็นก้านสมองอักเสบ แม่ต้องเสียเงินรักษา พอเรียนจบก็ว่าจะหวังพึ่งคนนั้น ตอนหลังเขาปวดหลัง เกี่ยวกับก้านสมองอักเสบ ก็ส่งมารักษาที่รพ.ประสาท ระหว่างนี้ก็เดินได้เหมือนหุ่นยนต์ ระหว่างโควิดเขาให้ไปฉีดไฟเซอร์ ต้องกินยากดภูมิตลอดชีวิต พอฉีดตัวนั้น เป็นการไปเพิ่มภูมิ น้องก็นอนติดเตียง ก็ต้องรักษาที่รพ.ประสาทไปเรื่อยๆ ซึ่งน้องจะเดินไม่ได้แล้ว เขาเลยบอกว่าต้องใช้ยาอีกตัวเป็นยานอก เข็มละ 2.5 หมื่น
ตอนแรกคนทั่วไปเข้าใจว่ามีน้องแมงปอคนเดียวเท่านั้นที่ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง และเป็นผู้ป่วยติดเตียง เพิ่งทราบว่ามีลูกคนโตป่วยต้องดูแลเหมือนกัน?
แม่น้อง : ใช่ค่ะ และต้องดูแลทุกบาททุกสตางค์เหมือนกัน และมีแม่ที่เพิ่งเสียไป ต้องใช้แพมเพิส แม่หลง เป็นอัลไซเมอร์
ตอนปี 59 เกิดวิกฤตอะไรกับชีวิตแม่ แม่เกือบฆ่าตัวตาย?
แม่น้อง : คือมันไม่มีเงิน แล้วลูกก็ป่วยบ่อยมาก เดี๋ยวก็ปอดติดเชื้อต้องให้อาหารทางสาย แม่อยู่บ้านหลังนั้นเขาก็จะมายึด แม่ต้องแอบเอาลูกแอบไว้ข้างใน เราไม่อยากเจอเจ้าหนี้ เราไม่มีเงินจะเลี้ยงลูก แม้ไปรพ.รามา ไปซื้อสารอาหารที่รพ.รามาก็ไม่มี แม่ต้องให้น้องกินข้าวต้มกับกล้วย แต่ไม่ได้สารอาหารตัวนั้นไงคะ
แม่เองมีสื่อเข้าไปช่วยและให้แม่สู้โดยการให้แม่ลุกขึ้นมาขายของ?
แม่น้อง : ไม่ค่ะ เขาไม่รู้เรื่อง เขาให้แต่แพมเพิส กาชาดก็มา เขารู้กันหมดว่าแม่ยากจนมาก แทบจะขอทาน เขารู้กันทั้งจังหวัดว่าแม่ของน้องแมงปอยากจนมาก อยู่ๆ มาเริ่มมีเฟซบุ๊ก แม่สู้ไม่ไหวแล้ว แม่มีโทรศัพท์เก่าๆ อยู่เครื่องนึง ก็ไลฟ์สดเอง ไม่เกี่ยวกับใครเลย
แม่เริ่มขายของปีไหน?
แม่น้อง : ปี 61 ค่ะ แม่ขายน้ำพริกค่ะ ตอนแรกที่เริ่มไลฟ์แม่ไปรับน้ำพริกเขามา ตอนนั้นไม่ได้ทำของตัวเอง ยอด 2 ปี ไม่เกินตามเกณฑ์ ขายไปเรื่อยๆ เก็บเงิน 61-62 แต่ที่แม่โดนคือ 2 ปีหลัง
แม่ขายน้ำพริกอย่างเดียว มีขายอย่างอื่นอีกมั้ย?
แม่น้อง : หมูทอดค่ะ ตอน 63-64 ขายขนมปั้นสิบ คุกกี้ เป็นสูตรของตัวเองหมดเลย
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น แม่ก็ขายของมาเรื่อยๆ แม่ขายผ่านบริษัทมั้ย?
แม่น้อง : ไม่ผ่าน เราก็คนบ้านๆ ไม่รู้อะไรยังไง ขายผ่านโทรศัพท์อย่างเดียว โทรศัพท์สั่งเขาก็มาส่ง แม่ไม่ได้ทำบิล ก็ขายไปทุกวันๆ
ปี 61-62 แม่รับของมาขาย พอปี 63 แม่เริ่มขยับขยายทำเองแล้ว ทำอะไรบ้าง?
แม่น้อง : ขนมปั้นสิบ คุกกี้ น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกตาแดง หมูสวรรค์ หมูฝอย
ขายดีมั้ย?
แม่น้อง : ตอนแรกก็เลี้ยงลูกได้เรื่อยๆ แต่ตอนหลังแม่ได้ออกสื่อ เขาเห็นแม่ไลฟ์ทุกวัน พอออกสื่อก็มีคนอุดหนุน ก็มียอดตรงนั้นมาเรื่อยๆ แม่ทำอร่อยด้วยค่ะ
ต้นทุนของแม่ในแต่ละครั้ง เงินต่อเงิน ขายของได้ก็เอาไปจ่ายต้นทุน แล้วก็เอามาขาย ล่าสุดที่เกิด มันเกิดอะไร?
แม่น้อง : เจ้าหน้าที่สรรพากรเขาไปที่บ้าน เขาไปสำรวจ เขาไม่รู้ว่าแม่เป็นใคร เขาก็บอกว่าอ้าว ผมเคยเห็นพี่ออกทีวี พี่ขายออนไลน์ เจ้าหน้าที่สรรพากรน่ารักทุกท่าน ท่านก็อธิบาย เขาให้แม่เอาสเตทเมนต์ย้อนหลังไปให้ท่าน แม่ก็รีบทำตามท่านเลย ตลอดเวลาแม่ไม่รู้ ทีนี้เขาบอกว่าเงินย้อนหลังเป็นเงินหลายล้าน มันก็เป็นจริง เพราะแม่ขายของ แม่ก็ต้องได้เงิน
ย้อนหลังกี่ปี?
แม่น้อง : ย้อนหลัง 3 ปี
ปี 61-62 ไม่เกี่ยวเพราะไม่เกิน แม่ไปรับเขามาขาย แต่พอทำเอง 63-65 สรรพากรเขาย้อนหลัง แม่ไม่เคยทำบริษัท เงินเข้าบัญชีแม่เองเลย แม่เคยไปชี้แจงหรือจ่ายภาษีแต่ละปีมั้ย?
แม่น้อง : ไม่ได้ไป
แม่เคยคำนวณรายได้แต่ละปีของเรามั้ย?
แม่น้อง : ไม่เคยคำนวณ เพราะแม่เอาโฉนดที่ดินแปลงนึงของแม่ไปกู้เงิน เพื่อมาตรงนี้ อาจเป็นเงินตรงนั้นด้วยก็ได้ เพื่อเอามาสร้างร้านกาแฟ แม่ไม่ได้คำนวณเลย ได้มาก็เอามาขายของ รักษาลูกไป แม่ผิดพลาดเอง
แม่ผิดพลาดที่ไม่ได้ไปจ่ายภาษีตั้งแต่แรก?
แม่น้อง : ภาษีนี่ไม่รู้หรอก รู้แค่ว่าถ้าเราขายของออนไลน์จะไปแจ้งที่ไหน ว่าจะไปๆ แต่แม่ก็เสียอีก มันผิดที่แม่นี่แหละ พอสรรพากรมาชี้แจงแม่ก็เข้าใจ การเป็นพลเมืองที่ดี เราต้องเสียภาษี ตอนนี้แม่ผิดกฎหมาย แม่ก็ยอมรับ แม่ผิดก็บอกว่าแม่ผิด เจ้าหน้าที่ดีทุกท่าน ท่านให้คำแนะนำดีมาก แต่ตอนนี้แม่ไม่มีเงินไง
ตอนแรกสรรพากรเรียกเก็บเงินแม่เท่าไหร่?
แม่น้อง : 12 ล้าน ย้อนหลังด้วย
วินิจ : อาจมีเรื่องเบี้ยปรับ
แม่น้อง : แม่ก็ไม่มีเงินหรอก แต่แม่เซ็นไปแบบนั้น ถ้าแม่ไม่ไปจ่ายวันที่ 15 แม่จะเสียค่าปรับอีก 8
คิดจากยอดรายได้ของแม่ เท่าไหร่?
แม่น้อง : แม่ไม่มีบัญชีให้ เขาก็คิด 60-40 ล่ะมั้ง แต่แม่ไม่ได้กำไรขนาดนั้น อย่างคุกกี้แม่ขายกล่อง 39 แม่ได้กำไร 9 บาท อาศัยขายจำนวนเยอะ เหมือนขายส่ง
สรรพากรตีมูลค่าเงินที่เข้ามาเท่าไหร่?
แม่น้อง : เขาตีไป 80 ล้าน แต่มันไม่ได้อย่างนั้น แม่มี 2 ธนาคาร ธ.ไทยพาณิชย์กับธ.กสิกร แม่ก็จะเอากสิกรมาเข้าไทยพาณิชย์ มันก็เลยกลายเป็นทบไปเลย แม่ยังไม่ทันอธิบายให้ท่านฟัง
แม่กำลังจะบอกว่ามีเงินที่เข้ามา มีเรื่องต้นทุนด้วย?
แม่น้อง : ค่ะ ได้มาก็ต้องลงทุนอีก
แม่มองว่าสรรพากรคิดจากเงินทั้งหมดที่เข้ามา ไม่มีการหักเป็นกำไร เพราะแม่ไม่ได้ทำแยกไว้?
แม่น้อง : ค่ะ เขาคิดแต่รายได้อย่างเดียว ก็อยากจะถามว่ามันต้องอย่างนั้นใช่มั้ย
3 ปี 80 ล้าน?
แม่น้อง : เดี๋ยวต้องไปคิดใหม่ แม่ว่าไม่น่าจะถึง ต้องไปทบทวนใหม่ จะได้ชี้แจงเขา มันมีการโยกบัญชี มันไม่ถึงหรอก แม่มีเงินเก็บไม่ถึงล้านเลย มี 2 แสนกว่าบาท
แล้วเงิน 80 ล้านที่เข้ามา มันหายไปไหน?
แม่น้อง : มันเงินโยกบัญชี เขาจะคิดหมด เงินเพื่อนโอนมาบ้าง เขาต้องคิดแค่ค่าซื้อของสิ ขายของอย่างเดียว ออนไลน์จะรู้ยอดอยู่แล้ว แต่นี่ยังไม่ได้ชี้แจงท่านว่าเป็นอย่างนี้ๆ
มีเงินแค่ 2 บัญชี ไม่ได้โอนถ่ายไปไหน?
แม่น้อง : ค่ะ มีแค่นั้น จะมีก็ธนาคารกรุงเทพ นานๆ จะถ่ายทีนึง 500 1000 แต่ไม่ได้ใช้บัญชีนั้น
สรุป ณ ตอนนี้มีเงินเข้ามาจริงๆ แต่แม่เอาออกไปใช้จ่าย รักษาลูก?
แม่น้อง : ค่ะ แล้วแม่ก็ซื้อที่สร้างร้านกาแฟ แม่ก็เริ่มอายุเยอะแล้ว แม่ซื้อที่แปลงนั้น แม่ให้ช่างมาทำเรื่อยๆ เราต้องมีร้านขายกาแฟ ขายของฝากแม่นี่แหละ เพราะวันข้างหน้าเราไลฟ์สดไม่ได้ เราจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงลูก ให้เขาไปตรวจค้นเลย แม่ก็มีที่ดินแค่แปลงนี้ค่ะ
มีเงินบริจาคเข้ามามั้ย?
แม่น้อง : 63-65 ไม่มี แต่ก่อนโน้นเป็นเงินได้ไม่กี่แสน ก็เป็นค่าแพมเพิส
ก่อนหน้านั้นยอมรับว่ามี แต่ปัจจุบันไม่มี ทำมาค้าขายอย่างเดียว ไม่รับเงินบริจาค?
แม่น้อง : ใช่ค่ะ
คุณแม่ขายของมาตั้งแต่ปี 61-62 ในการสู้ชีวิต เพราะลูกป่วย กินกำไรตรงนั้นไป ปี 63-65 แม่เริ่มเก็บหอมรอมริบลงทุน ทำเป็นสินค้า มีปั้นสิบ มีคุกกี้ น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกตาแดง ขาหมูสวรรค์ต่างๆ นานา โดยเงินเข้าบัญชีตัวเอง 2 บัญชีนี้เท่านั้น แม่ก็เอาไปรักษาลูก เอาไปต่อเงิน ซื้อที่ดิน ล่าสุดสรรพากรเรียกเก็บเงินทั้งหมด 12 ล้าน จากตัวเลขกลมๆ นี่เขาอนุโลมหรือยัง?
แม่น้อง : เขาก็คิดเท่านี้แหละ
จากฐานเงินเข้าทั้งหมด 80 ล้าน ?
แม่น้อง : แต่มันไม่ถึงนะ แม่มีโยกเงินด้วย แต่เขาตรวจยังไงไม่รู้ ต้องตรวจใหม่
ล่าสุดเงินในบัญชีไม่มีเลย?
แม่น้อง : มีเท่าที่เห็น สรรพากรตรวจสอบได้เลยที่ดินที่ไปจำนอง มีมั้ย?
แม่น้อง : มีค่ะ จำนองไว้ 8 แสน เป็นทาวน์เฮ้าส์ ก่อนมาอยู่บ้านหลังนี้ เป็นทาวน์เฮ้าส์หลังเดิม
ที่อยู่ปัจจุบันซื้อสด?
แม่น้อง : ซื้อสด แต่ว่าเอาไปจำนองไม่นาน ไม่เยอะ เอาแค่ 2 แสน เอามาลงทุนขนมนี่แหละ มันไม่พอ
เงิน 80 ล้านไปไหน?
แม่น้อง : มันไม่ใช่ว่าจะได้ขนาดนั้น ขายของไม่ใช่ได้ 80 ล้าน อาจเป็นเงินโยกตรงนี้ แต่เท่าไหร่ต้องคิดดูอีกที โยกบัญชีนี้เข้าบัญชีนี้ แต่สรรพากรเขาคิดหมด ตอนนี้ได้ติดต่อฝ่ายบัญชีให้เช็กเงินที่แม่ได้จากการขายของค่ะ
แม่ก็ยอมรับว่าแม่ไม่เคยจ่ายภาษี?
แม่น้อง : ค่ะ
วันก่อนแม่ค้าออนไลน์โดนเก็บภาษีหลักล้านเหมือนกัน ในเคสแบบนี้เป็นมายังไง?
วินิจ : ขอบคุณที่กรุณาให้ทางสรรพากรมาร่วมชี้แจงวันนี้ อย่างแรก เคสคุณแม่ต้องเป็นขั้นตอนคุยกันในระดับเจ้าหน้าที่ สรรพากรพื้นที่จ.นครปฐม แต่ในส่วนหลักการ เรื่องการค้าขายออนไลน์ ภาษีที่เกี่ยวข้องจริงๆ มี 2 เรื่อง คือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เหมือนเราๆ ท่านๆ กรณีทำงานได้เงินเดือน แต่เรื่องค้าขายออนไลน์ ไม่ว่าจะมีออนไลน์หรือไม่มีออนไลน์ ก็เหมือนมีร้านค้าของตัวเอง มียอดรายได้ รายได้ก็คือการเก็บภาษีของบุคคลธรรมดา หลักๆ เลยดูรายได้ ก็ให้หักค่าใช้จ่าย หักค่าลดหย่อนเรื่องส่วนตัว ทีนี้ค่าใช้จ่ายจะต่างกัน กรณีหลักค้าขาย ออนไลน์ หรือออฟไลน์ เราให้หักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธี วิธีที่ 1 คือหักตามจริง มีต้นทุนเท่าไหร่ก็หักเท่านั้น แต่การหักแบบนี้จำเป็นต้องมีหลักฐาน ต้องทำบัญชีไว้ว่ามีรายรับเท่าไหร่ มีรายได้เท่าไหร่ เสร็จแล้วก็ต้องมีหลักฐานในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษีก็จะเป็นหลักฐาน ในบางเคสไม่ได้เก็บหลักฐานไว้ ก็มีกฎหมายบอกว่าหักค่าใช้จ่ายได้เหมือนกัน เป็นการเหมาไม่ต้องส่งหลักฐาน แต่หักได้แค่ร้อยละ 60 ซึ่งคงต้องยอมรับความจริงว่าในการทำธุรกิจบางธุรกิจ ต้นทุนมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ แต่กฎหมายให้แค่นั้นจริงๆ ถ้าไม่เก็บหลักฐานไว้ นี่คือปัญหาที่หลายคนพบ กรรมสรรพากรเองเราพยายามให้คำแนะนำว่าทำค้าขาย ช่วยทำบัญชีไว้ แล้วเก็บหลักฐานไว้ ตรงนี้จะเป็นหลักฐานสำคัญครับ
แม่ไม่เคยทำบัญชีอะไรไว้เลย?
แม่น้อง : ไม่เคยทำ
เคยแยกมั้ยว่า ต้นทุนเท่านี้ เอาไปช่วยลูก 2 คนและแม่ที่เสียชีวิตไปเท่านี้ จ่ายค่านี้ มีมั้ย?
แม่น้อง : ไม่มีค่ะ
วินิจ : รายจ่ายเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการ เหมือนเราทำบริษัทก็เหมือนงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการ
ถ้าเอาเงินจากบริษัทไปรักษาพยาบาล ก็ไม่เกี่ยวกัน?
วินิจ : ถ้าเป็นเรื่องบุคคลธรรมดา เรามีค่าลดหย่อนให้อยู่แล้ว กรณีดูแลผู้ป่วยก็มีค่าลดหย่อนต่างหาก ส่วนตัวก็มีต่างหาก ต้องเรียนว่าเป็นเหมือนกัน คนรับเงินเดือนก็มีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกัน เช่นดูแลผู้ป่วยปีละ 6 หมื่น หักของตัวเองปีละ 6 หมื่นเป็นต้น และมีค่าลดหย่อนบุตรอีก 3 หมื่น เป็นกฎหมายที่ใช้กับทุกคนที่มีเงินได้ธรรมดา
แม่รักษาน้องแมงปอปีเท่าไหร่?
แม่น้อง : หลายแสน เพราะแม่ไม่ได้รักษาน้องตามสิทธิ์คนพิการ แม่ย้ายมารักษารพ.รามา พรีเมียม เพราะถ้าไปรักษารัฐบาล ไม่ได้ว่ารพ.รัฐบาลไม่ดีนะ แต่น้องติดเตียง เจาะคอ ถ้าเราไปรอ เปลี่ยนท่อ รพ.รัฐบาลคนยืนมุงกันเต็ม กว่าน้องจะได้กลับมันก็นานมาก เราก็ย้ายน้องไปรักษาพรีเมียมหมดเลย
อันนี้จะไม่สามารถไปหักล้างกันได้?
วินิจ : ต้องเรียนจริงๆ ว่าปัญหาส่วนใหญ่คนค้าขายออนไลน์จะเป็นปัญหาเรื่องต้นทุน เพราะต้นทุนตรงนี้ การค้าขายออนไลน์ ผมเข้าใจดีว่ามีการแข่งขันสูง กำไรก็จะบาง แต่ปัญหาที่เกิดในหลายกรณีที่พบเห็น จะเป็นกรณีที่ไม่มีหลักฐาน พอไม่มีหลักฐานเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีทางเลือก เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำตามกฎหมาย ก็ต้องกลับไปข้อที่ว่าให้หักเหมา แต่ส่วนรายละเอียดเรื่องอื่น ต้องมีการพูดคุยเป็นเคสบายเคส เป็นรายกรณี ว่าเงินนี้เป็นเงินที่ได้มาจากค้าขายหรือเปล่า ส่วนใหญ่เงินค้าขายออนไลน์พิสูจน์ไม่ยาก ส่วนมากผู้เสียภาษีผู้ค้าก็มาดูได้ เพราะยอดโอนเงินก็จะชัดเจน ว่าย่อย ซื้อของ ปลีก ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า มุมนี้ก็เป็นข้อดีที่มานั่งคุยกัน ผมว่าสรรพากรทั่วประเทศเจ้าหน้าที่เราเข้าใจว่ามันมีต้นทุนอย่างไร แต่ว่าก็ต้องเรียนว่าเรามีข้อจำกัดตามกฎหมาย ว่ามีหลักฐานหรือไม่ พิสูจน์ได้อย่างไร เพราะกฎหมายวางไว้อย่างนั้น
อย่างที่แม่บอกว่าฐาน 80 ล้านใน 3 ปีที่ตีย้อนหลัง โดนปรับย้อนหลังด้วยใช่มั้ย?
วินิจ : อย่างแรกที่เราทำคือดูปีที่ถึงเกณฑ์ ดูหลักฐาน และเป็นรายกรณีไป และต้องมีการพิสูจน์ในรายละเอียด ก็คิดว่าคงไม่เหมาะและคงไม่เป็นตามกฎหมายที่จะมาพูดกันในเคสที่เราไม่เห็นแล้วจะมาพูดถึงกันตรงนี้ได้ แต่ถ้าหลักการทั่วไปผมเชื่อว่าต้องมีขั้นตอนพิสูจน์ว่าเงินนี้ได้มาจากการค้าขายหรือเปล่า
ท่านพูดเจาะจงไม่ได้เพราะมีข้อกฎหมายคุมท่านอยู่ แสดงว่าสรรพากรตรวจสอบแม่แล้ว มีการเช็กแม่แล้วด้วยซ้ำ แม่อาจต้องชี้แจงว่าเงินนี้มาจากไหน ต้นทุนเท่าไหร่เพื่อเอาไปหักล้างกับสรรพากร เขาก็เปิดโอกาสให้แม่?
วินิจ : ใช่ครับ เป็นสิทธิ์ของผู้เสียภาษีที่จะมาชี้แจงกับเรา ต้องเรียนว่าพอไม่มีหลักฐาน มีแต่เงินเข้าบัญชี ก็ต้องมาพิสูจน์กัน ในเคสทั่วไป เจ้าหน้าที่จะเปิดโอกาสให้พิสูจน์ในเรื่องนี้
จะมีโอกาสลดหย่อน หรือเจรจาพูดคุยกันได้มั้ย?
วินิจ : ขั้นตอนการลดหย่อนมีอยู่แล้ว และมีระเบียบที่เกี่ยวข้อง แต่ตรงนี้ต้องกราบเรียนว่ามีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ และมีแนวชัดเจน ไม่ได้เป็นดุลยพินิจเจ้าหน้าที่เลย เรามีแนวชัดเจนว่าเป็นแบบนี้ มีตัวเลขเข้ามาแบบนี้ จะมีส่วนที่เราจะลดเบี้ยปรับ งดเบี้ยปรับอย่างไร
อย่าง 12 ล้าน เป็นตัวเลขจากตัวที่ถูกปรับย้อนหลังหรือเปล่า?
วินิจ : ตรงนี้ต้องเรียนว่าผมก็ไม่ได้ทราบรายละเอียดเยอะ แต่ว่าต้องเรียนว่าตัวเลขภาษี สะท้อนมาจากรายได้ หักด้วยรายจ่าย และหักเรื่องต่างๆ แล้ว วิธีการต่างๆ จะเป็นอย่างนี้เสมอ ไม่มีเจ้าหน้าที่นึกเอาเอง ทุกเคสผู้เสียภาษีก็มีสิทธิ์โต้แย้งชี้แจงได้เสมอ ตัวเลขทั้งหมดสะท้อนมาจากหลักฐานที่เรามี ในทุกกรณี
แม่มีผลกระทบยังไง?
แม่น้อง : แม่ก็เครียดมาก แม่ไม่มีให้อยู่แล้ว แม่ขอผ่อนได้มั้ย ไม่ต้องปรับแม่ได้มั้ย แม่ไม่มีจริงๆ แต่แม่จะหาเงินผ่อนให้ จากนี้จะได้ไปทำตามกฎหมายเลย
จะทำยังไงดี จะมีแนวทางสื่อสารให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รับทราบว่าตอนนี้ต้องทำแบบไหน บางทีเขาไม่รู้ตัว แล้วมาปั้งแบบนี้?
วินิจ : จริงๆ ตรงนี้ก็มีความกังวงสูง พอเกิดมาทีนึง ภาษีต้องเข้าใจว่าถ้าเรามีหลักฐาน ภาษีเก็บจากส่วนที่เป็นกำไรอยู่แล้ว เทียบเคียงกับบริษัท ถ้ามีรายจ่ายมา กำไรก็นิดเดียว อีกส่วนที่ต้องเรียนคือภาษีมูลค่าเพิ่มที่แม่น้องพูดถึง ว่าถึงเกณฑ์ไม่ถึงเกณฑ์ ภาษีมูลค่าเพิ่มคิดง่ายๆ จะเริ่มเสียเมื่อไหร่ ถ้ามีรายได้ต่อเดือน 1.5 แสนบาท ปีนึง 1.8 ล้าน ต้องจดทะเบียน และเสียภาษีอีกร้อยละ 7 ฉะนั้นก็เป็นในส่วนภาษีมูลค่าเพิ่ม ออนไลน์มี 2 เรื่อง เรื่องแรก ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เสียเหมือนเราๆ ท่านๆ มีเงินเดือน ส่วนที่สองถ้าเดือนนึงแตะ 1.5 แสน ติดต่อกัน 12 เดือน 1.8 ล้านต่อปี ก็มาเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็จะมีอีกกระบวนการนึง 7 เปอร์เซ็นต์เหมือนที่พวกเราทราบกันดี แต่ติดปัญหาเดิม ต้องมีหลักฐาน ต้องมีต้นทุน ใบกำกับภาษีซื้อ ภาษีที่เราขายไป ขายของ 100 นึง มี 7 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็เหมือนคุณหนุ่มไปทานร้านอาหาร บางร้านคิดค่าอาหารเสร็จก็บวกภาษีเพิ่มแล้วนำส่ง บางร้านบอกไม่เป็นไรเอารวมไว้ ต้นทุนก็จะต่ำกว่า 100 ตรงนี้การไม่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็จะเกิดปัญหาอีก ต้นทุนที่มีก็ยังใช้ไม่ได้เป็นภาษีซื้อ แถมไม่สามารถไปเก็บจากคนอื่นได้ ตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนพอละเลยก็จะพอกพูน ไม่ต้องนับเรื่องเบี้ยปรับก็มีปัญหาแล้ว
เบี้ยปรับเยอะมั้ย?
วินิจ : แล้วแต่เรื่องนะครับ แล้วก็มีกระบวนการ ตามกฎหมายแบบนึง
ถ้าคล้ายๆ เคสนี้ 3 ปี ฐานเงิน 50 ล้าน?
วินิจ : เล่าเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มในบุคคลธรรมดาแบบนี้ หลักๆ คือ 2 เท่า ภาษีแล้วก็บวกอีก 2 เท่า
ถ้า 50 ล้าน จ่ายภาษีประมาณ 3.5 ล้าน ถ้าไม่จ่าย ก็โดน 2 เท่า ก็เอา 3.5 ล้าน คูณ 2?
วินิจ : ครับ แต่อย่างไรก็ตาม ภาษีมูลค่าเพิ่มของบุคคลธรรมดา ถ้าจ่ายตัวภาษีแล้ว มาจ่ายสิ่งที่เรียกว่าเงินเพิ่มคือดอกเบี้ย 1.5 ต่อเดือนแล้ว เรามีแนวจะงดเบี้ยปรับตรงนี้ให้ ผมเชื่อว่าเคสส่วนใหญ่เราจะบอกว่าถ้ามาจ่ายครบเราจะงดเบี้ยปรับให้ มีการทำความตกลงกันไว้
แม่อยากคุยอะไรกับท่าน?
แม่น้อง : วันที่ 15 แม่ต้องจ่ายใช่มั้ย ไม่โดนปรับได้มั้ย จ่ายแค่ค่าภาษี 3 ปี แต่ให้เอาเงินก้อนให้แม่ไม่มี
วินิจ : เรื่องนี้แยกเป็นสองเรื่อง เดี๋ยวจะประสานงานให้ อย่างแรกคือเรื่องที่คุณแม่สงสัย ก็มีทางพูดคุยพิสูจน์กันได้ เห็นบอกว่ามีเรื่องไม่น่าเป็นรายจ่ายทั้งหมด ไม่น่าเป็นรายได้ทั้งหมด เดี๋ยวมานั่งคุยกัน ส่วนเรื่องการงดเบี้ยปรับเรามีแนวชัดเจนตามกฎหมาย แต่ขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ที่เขาดูแลเรื่องนี้เป็นคนจัดการ เรามีระเบียบชัดเจน ไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องการผ่อน เป็นเรื่องที่กังวล เพราะถ้าเราคำนวณภาษีจากรายได้ ถ้าภาษีพอไม่ได้เสียนาน มันก็จะรวมเยอะ มันจะเรียกว่าเงินเพิ่มหรือดอกเบี้ย จะทำให้เกิดภาระ ถ้าขอผ่อนไปข้างหน้าก็จะมีดอกเบี้ยเพิ่มไปอีกเช่นกัน ตรงนี้คงต้องมาพูดคุยกัน ผมต้องกราบเรียนว่าการผ่อนก็มีระเบียบเหมือนกัน ถ้าผ่อนสั้นก็อาจไม่ต้องมีเรื่องหลักประกัน ผ่อนยาวระเบียบราชการก็อาจมีหลักประกัน ส่วนผ่อนยาวเราคุยเคสบายเคสได้ ไม่ต้องกังวล 3 ปี 5 ปีได้เลย แต่ต้องขออนุญาตไปคุยกัน เพราะเรามีแนวชัดเจน ให้เจ้าหน้าที่มาอธิบาย แต่อย่างที่เรียน เราก็กังวล พอขอผ่อนก็ต้องมีดอกเบี้ย แล้วตัวภาษีที่มันมากก็เพราะไม่ได้ทำไว้ก่อน เราก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้กับใครเลย เราอาจทำเรื่องการสื่อสารไม่ชัดเจน ก็กำลังจะปรับปรุงตรงนี้ วิธีง่ายๆ คือเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่สรรพากร เรามีสาขา มีพื้นที่อยู่ทั่วประเทศ 850 อำเภอ อีกวิธีนึงเดี๋ยวเราจะมีการปรับตัว คล้ายๆ ห้องเรียนออนไลน์ ท่านมาลงทะเบียนห้องนึงสัก 50-100 คน สักชม. ออนไลน์เป็นกลุ่มๆ เลยว่าเรียนแล้วเข้าใจเป็นยังไง มีปัญหาเป็นยังไง แล้วคุยกัน เตรียมตัวล่วงหน้าจะได้ไม่มีปัญหาสะสม
ตอนนี้แม่มีที่อยู่กี่แปลง?
แม่น้อง : แปลงเดียว ไร่กว่า อยู่ที่สามพราน
แม่ซื้อไว้นานหรือยัง?
แม่น้อง : ตอนขายของออนไลน์ ปีกว่านี่แหละ ที่แม่จะสร้างร้านกาแฟ
มีอะไรอีกมั้ย?
แม่น้อง : มีเท่านี้ และมีเงินในธนาคารเท่าที่ให้ดู และเงินในติ๊กต๊อกที่หมุนอยู่
แม่ต้องเปิดบริษัทเลย?
วินิจ : เป็นอีกขั้นตอนที่ต้องทำ
แม่ลองหาคนทำบัญชีเข้ามาดูแล แยกไปเลย จดไว้ให้หมด ต้นทุนเท่านี้ แม่แยกไปเป็นบัญชี แม่จะชัดเจน?
วินิจ : เรื่องการไปข้างหน้าคุยกับสรรพากร เรามีหน่วยงาน มีคนแนะนำอยู่ในพื้นที่ครับ
น้องเป็นยังไงบ้าง แม่ท้อมั้ย?
แม่น้อง : ก็ท้อ น้องพิการสองคน แม่ก็เพิ่งเสียไป มันท้อ ท้อมาก ถ้ามีเงินสัก 12 ล้าน แม่ให้เลยนะ แต่นี่แม่ไม่มี มีแค่เงินที่เห็น และที่ดินแปลงที่เห็นนี่แหละ แม่ไม่มีอะไรเลย
โดนเบี้ยปรับย้อนหลังเลยทวีคูณไปสองเท่า?
แม่น้อง : ค่ะ มันก็เลยเยอะ
วินิจ : ตรงนี้เรามีเกณฑ์งดให้ได้ ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวคุย ต้องเรียนตามตรงว่ารายละเอียดเราคงคุยตรงนี้ไม่ได้ แต่เกณฑ์ทั่วไปมี ถ้าชำระภาษี ชำระเงินเพิ่มครบ เบี้ยปรับงดได้ในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม เดี๋ยวผมประสานงานให้ครับ
แม่อยากพูดอะไรมั้ย?
แม่น้อง : แม่ต้องหาหาเงินใช้หนี้ วอนคนไทยช่วยอุดหนุนสินค้าของแม่ แต่แม่จะไม่เปิดรับบริจาคค่ะ แม่อยากขายของไปเรื่อยๆ ถ้าหยุดขายอาจลำบากกว่าปี 59 แม่ต้องสู้ต่อไป แต่แม่จะอยู่ได้หรือไม่ได้ก็อยู่ที่ประชาชนช่วยอุดหนุนสินค้าแม่
วินิจ : ถูกต้องดีที่สุดคือทำตามเส้นทาง ถ้ามีรายได้ใกล้ 1.5 แสนต่อเดือนเมื่อไหร่ เข้ามาคุยกันก่อน อย่าทำค้างไว้ เพราะเดี๋ยวจะมีปัญหา ผ่อนก็มีดอกเบี้ยครับ ยอดสะสมไว้นานก็จะเยอะครับ แต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เริ่มมีหน้าที่ยื่นแบบ ตั้งแต่ 6 หมื่นบาท ถ้าค้าขายออนไลน์ แต่ถ้าตัดต้นทุนต่างๆ อาจไม่มีภาษีต้องชำระก็ได้ หลักฐานต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญ