นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แถลงผลทดสอบปริมาณสารไนเตรท และไนไตรท์ในไส้กรอก โดยเปิดเผยผลตรวจดินประสิวในไส้กรอก พบ 3 ยี่ห้อมีสารเกินมาตรฐาน เตือนบริโภคเยอะเกินไปจะเกิดอาการปวดหัวคลื่นไส้ฉับพลัน ด้าน อย.อ้างตรวจประจำอยู่แล้ว พบมีสารไนเตรทและไนไตรท์เกินค่ามาตรฐานเพียง 1 ตัวอย่างเท่านั้น แต่ไม่สามารถบอกยี่ห้อได้
นางสาวมลฤดี โพธิ์อินทร์ นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ศูนย์ทดสอบของนิตยสารฉลาดซื้อสุ่มทดสอบปริมาณสารไนเตรทและไนไตรท์จากตัวอย่างไส้กรอกในท้องตลาด 15 ตัวอย่าง พบว่า มีเพียงยี่ห้อเดียวคือค๊อกเทลซอสเซส ตราไทยซอสเซส ของบริษัทไทย – เยอรมัน มีท โปรดักส์ จำกัด ที่ไม่พบทั้งไนเตรทและไนไตรท์
ขณะที่อีก 14 ยี่ห้อ หรือกว่าร้อยละ 93.33 มีการเจือปนของสารดังกล่าว ทั้งนี้ไส้กรอกร้อยละ 73.33 หรือจำนวน 11 ยี่ห้อใส่สารไนเตรทและไนไตรท์ไม่เกินมาตรฐานที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนด คือ
1.บีลัคกี้
2.มิสเตอร์ ซอสเซส
3.บุชเชอร์
4.JPM
5.เซเว่น เฟรช
6.TGM
7.My Choice
8.BMP
9.S&P
10.P.Pork
11. เบทาโกร
ส่วน 3 ยี่ห้อ หรือร้อยละ 20 พบว่ามีปริมาณสารไนไตรท์และไนเตรทเกินมาตรฐาน คือ 1.เอโร่
2.NP และ 3.บางกอกแฮม
“สารไนไตรท์และไนเตรท คือดินประสิว ใช้เพื่อฟอกสีเนื้อสัตว์ให้มีสีสด ถือเป็นการถนอมอาหารแบบหนึ่งโดยใช้วัตถุกันเสีย และยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้อาหารเสียเร็ว ซึ่งยังไม่มีผลแน่นอนว่าจะก่อให้เกิดมะเร็งหรือไม่ แต่หากได้รับปริมาณมากเกินค่ามาตรฐาน สำหรับคนที่แพ้สารดังกล่าวก็จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว เวียนหัว จากการได้รับพิษเฉียบพลัน ซึ่งตอนนี้ไส้กรอกกลายเป็นอาหารหลัก เพราะเป็นอาหารสะดวกซื้อ จึงอยากเตือนให้ผู้บริโภคบริโภคแต่น้อย อย่าบริโภคเป็นประจำ เพื่อหลีกเลี่ยงการรับสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกาย”
ด้าน น.ส.สารี อ๋อง สมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า การรับประทานในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลเสียต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ท้องเสียรุนแรง ยิ่งผู้ที่มีอาการแพ้อาจส่งผลต่อระบบหายใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็ว หมดสติหรือเสียชีวิตได้ และที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลกได้ออกมาเตือนว่า การรับประทานอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์เช่น เบคอน ไส้กรอก แฮม ในปริมาณมากเกินไปอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนเลือกรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ และตรวจสอบข้อมูลโภชนาการทุกครั้งหลีกเลี่ยงการรับประทานกลุ่มที่มีการผสมสารกันบูดในอัตราที่เกินกำหนด หรือไม่ควรมีการผสมสารดังกล่าวเลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้มูลนิธิฯจะมีการส่งหนังสือไปยังบริษัทที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อแจ้งผลการทดสอบและขอให้มีการปรับปรุงการใช้สารผสมในอาหารให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด รวมถึงส่งหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้มีการติดตามตรวจสอบ และควบคุมผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้ได้มาตรฐานด้วย
ล่าสุด นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เร่งส่งทีมลงพื้นที่ไปตรวจสอบยังสถานที่ผลิตไส้กรอกทั้ง 3 ยี่ห้อแล้ว และกล่าวว่า อย.ได้ตรวจสอบการผสมสารต่างๆ ในผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ อาทิ ไส้กรอก แฮม ลูกชิ้น กุนเชียง เป็นประจำอยู่แล้ว โดยในปีนี้ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทั้งหมด 200 ตัวอย่าง ส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจหาสารไนเตรท ไนไตรท์ ซอร์บิกแอซิด และโปแตสเซียมซอร์เบต (วัตถุกันเสีย) และการผสมสี
ซึ่งล่าสุดผลตรวจไส้กรอกเสร็จแล้ว 26 ตัวอย่าง พบว่า มีสารไนเตรทและไนไตรท์เกินค่ามาตรฐาน 1 ตัวอย่าง แต่ไม่สามารถบอกยี่ห้อได้ เพราะกำลังตรวจสอบสถานที่ผลิตว่าได้มาตรฐานและมีสารดังกล่าวเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ หากพบว่าเกินจึงจะสามารถเปิดเผยชื่อยี่ห้อได้อย่างเป็นทางการ ส่วนผลการตรวจสารซอร์บิก ซอร์เบต และสีนั้นไม่พบถูกใช้เป็นส่วนผสม
ส่วนข้อเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนฉลากแสดงส่วนประกอบนั้น อย.ได้ออกประกาศเรื่องฉลากอาหาร ฉบับที่ 367 กำหนดให้เจ้าของผลิตภัณฑ์ต้องแสดงเลขรหัสและชื่อสาร หรือกลุ่มที่ใช้ทำหน้าที่อะไรบ้าง แต่ประกาศนี้จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ธ.ค. 59 ดังนั้น ฉลากผลิตภัณฑ์เดิมที่ออกก่อนหน้านี้ 2 ปี จึงยังสามารถใช้ได้ ขอให้ประชาชนหมั่นอ่านฉลากอาหารก่อนตัดสินใจซื้ออย่าง ไส้กรอก ถ้าสีผิดธรรมชาติมากๆ ก็ไม่ควรซื้อมารับประทาน
อ่านผลทดสอบได้จาก www.ฉลาดซื้อ.com