หลังได้รับชัยชนะจากคำตัดสินของศาลเยาวชนที่่ตัดสินให้คู่สมรสชายรักชาย “มานูเอล ซานโตส” และ “กอร์ดอน เลค” เป็นพ่อที่แท้จริงที่มีสิทธิโดยชอบธรรมในการดูแลเด็กหญิงคาร์เมน บุตรสาวที่เกิดจากการอุ้มบุญโดยหญิงรับจ้างคนไทย พวกเขาทั้งคู่ได้เปิดใจถึงการต่อสู้ตลอดระยะเวลา 15 เดือน เพื่อทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อที่แท้จริงซึ่งต้องผจญกับความยากลำบาก และทุกข์ใจแสนสาหัสกว่าจะมีวันนี้
ความในใจนี้ถูกถ่ายทอดบนเฟซบุคแฟนเพจ Bringcarmenhome ซึ่ง มานูเอล ซานโตส และกอร์ดอน เลค คู่สมรสชายรักชาย บิดาตามกฎหมายของเด็กหญิงคาร์เมน ได้โพสต์เรื่องราวเปิดเผยความรู้สึกหลังจากการต่อสู้ตลอด 15 เดือน เพื่อให้ได้สิทธิ์ความเป็นพ่อของเด็กหญิงตัวน้อย หลังจากศาลเยาวชนตัดสินให้พวกเขาได้เป็นพ่อตามกฎหมาย โดยระบุว่า…
(English below)
ฉบับภาษาไทย
เราไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี…
เราพูดได้ว่า กว่า 15 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและยาวนานมาก เรียกว่าโหดร้ายที่สุดในชีวิตของเรา แต่แน่นอนว่าคุ้มค่า เราไม่มีทางเลือกอื่น คาร์เมนเป็นลูกสาวของเราและเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้
มีหลายคนถามเราว่า “แล้วยังไงต่อ? ชีวิตของคาร์เมนจะเป็นอย่างไรต่อไป?” บอกตรง ๆ ว่า ตอนนี้เราเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน เพราะชีวิตของเราต้องถูกกดปุ่ม “Pause” มากว่า 15 เดือน ก่อนที่จะได้กดปุ่ม “Play” อีกครั้งในท้ายที่สุด สิ่งที่เราอยากทำก็คือใช้ชีวิตของเรา มีความสุขกับลูก ๆ ทั้งสองคนของเรา ในสวนหลังบ้านของเรา ในบ้านของเรา กับครอบครัวและเพื่อน ๆ ของเรา สิ่งหนึ่งที่เรารู้ว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนก็คือ ทุก ๆ คนที่บ้านของเรากำลังรอต้อนรับคาร์เมนด้วยความรัก คาร์เมนจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีกเวลาที่เธอได้รู้ว่าครอบครัวของเราจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาตลอดไป เราได้รับข้อความมากมายจากคนที่รักคาร์เมน ขอร้องให้เราโพสข้อความทางโซเชียลมีเดียต่อไป – ตรงนี้ไม่ต้องกังวลนะครับ เราจะทำต่อไปเพื่อให้ทุกคนได้เห็นพัฒนาการของคาร์เมนและได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเรา…แต่เราอาจจะต้องไปเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังสักที เพื่อที่เราจะได้โพสต์ข้อความเป็นภาษาไทยเองบ้าง…
เมื่อวานผมได้อ่านความคิดเห็นจากบางคนที่ติดตามอ่านข่าวของเรา พวกเขาสงสัยว่าทำไมผมและมานูเอลยัง ‘รัก’ ประเทศไทยได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เราต้องมาติดอยู่ที่นี่นานกว่า 15 เดือนแล้ว ตอบได้ง่ายมากครับ เรารักประเทศไทยเพราะคนไทย ช่วงแรก ๆ ที่มีการพูดถึงเรื่องราวของเราบนสื่อ เรากลัวมากว่าคนไทยจะไม่ชอบพวกเรา…แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม…#ทีมคาร์เมน เราไม่ชอบที่จะพูดซ้ำไปซ้ำมาเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง แต่เรารู้สึกแบบนี้จริง ๆ ครับ เราได้รับแรงสนับสนุนจากทั่วโลก แต่ไม่มีที่ใดเลยที่เหมือนกำลังใจจากคนไทย หลายคนช่วยบริจาคเงิน เสนอที่พักให้กับเรา ส่งของขวัญมาให้คาร์เมน และที่สิ่งสำคัญที่สุดคือทุ่มเทเวลาให้กับเรามากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาเขียนข้อความให้กำลังใจ ช่วยกันหาข้อมูลเพื่อให้เป็นประโยชน์กับรูปคดี ช่วยแปลเอกสาร หรือแม้แต่เดินเข้ามาทักทายเราเมื่อเจอกัน ประเทศไทยจะเป็นบ้านหลังที่สองของเราตลอดไปครับ …เราจะสอนให้ลูก ๆ ของเรารักและเคารพคนไทยเหมือนที่เรารักและเคารพคนไทย เราจะไม่มีวันลืมประเทศไทยเลย …นี่เราจะเอาศาลพระภูมิกลับบ้านไปด้วย จะเอาไปตั้งไว้ในสวน เราจะได้นึกถึงประเทศไทยทุกวัน
มีคนมากมายเหลือเกินที่เราอยากขอบคุณ โบและแพร์รี่ แอดมินคนไทยของเราทั้งสองคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบภาษาไทยของเราบนเพจให้ออกมาดูดี Trasher Bangkok (โจโจ้และออม) ที่ช่วยดันให้เรื่องของเรากลายเป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจบนโซเชียลมีเดีย และได้ช่วยเราอย่างมากในการออกสื่อในช่วงแรก ขอบคุณแอดมินเพจแฉแม่อุ้มบุญ ที่ช่วยขุดคุ้ยข้อมูลให้กับเรา ขอบคุณป้าโก๋ ทนายดี และทุก ๆ คนที่มูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม ที่คอยช่วยเราดำเนินคดีในศาล และติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง และที่จะขาดไปไม่ได้คือ ทนายของเรา จากบริษัท วัตสัน ฟาร์ลี แอนด์ วิลเลียมส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทนายหยงและทนายตาล ที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำคดี และการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ อีกมากมายตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา และยังมีอีกหลายคนที่ไม่ประสงค์จะออกนามที่ได้สนับสนุนและช่วยเหลือเรามาโดยตลอด และเราขอขอบคุณสื่อมวลชนที่นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา และช่วยให้เรามีพื้นที่แสดงออกซึ่งพลังแห่งความรักที่เรามีต่อกันในครอบครัว
แต่ก็มีบางคนที่เราไม่ขอขอบคุณ เพราะว่าพวกเขาไม่ยอมที่จะเปิดใจรับฟังเรื่องราวในฝั่งของเรา อย่างเช่น คุณกีระณา สุมาวงศ์ ที่ได้ประกาศแจ้งเราว่าว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ (ถึงแม้คุณวีรุทัยจะเป็นคนสนิทของท่าน) แต่เรากลับมาทราบภายหลังว่า บริษัทกฎหมายของท่านได้เป็นตัวแทนว่าความให้ปทิตตา/ยลรดา และได้ใช้เทคนิคทำให้เกิดความล่าช้า และอีกคนคือ คุณวัลลภ ตังคณานุรักษ์ จากรัฐสภา ที่ได้ไปงานแถลงข่าวต่อต้านเรา และยังได้ปฏิเสธที่จะคุยกับเราหลังจากที่เราได้ส่งจดหมายไปหาคณะอนุกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ รวมทั้ง ซอนต้ากรุงเทพฯ และ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ไม่ให้โอกาสเราเล่าเรื่องในฝั่งของเราบ้าง และสถานีโทรทัศน์อีกบางช่องที่ฟังความจาก คุณวีรุทัย มณีนุชเนตร เพียงข้างเดียว แต่ไม่ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เธอได้พูดเกี่ยวกับเรา และยังไม่ได้สอบถามหรือตรวจสอบหลักฐานที่เธอนำเสนอว่าเราเป็นพวกค้ามนุษย์ และคนอื่น ๆ ที่เหลือด้วยที่ไม่ได้ถามเรื่องราวในฝั่งของเราบ้างเลย
พวกเราคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราจะช่วยให้สังคมได้ตระหนักถึงรูปแบบของครอบครัวที่ต่างไป เด็กไม่ได้ต้องการ ‘พ่อ’ ที่เป็นผู้ชายและ ‘แม่’ ที่เป็นผู้หญิง แต่สิ่งที่เด็กต้องการที่สุดคือ ‘ความรัก’ซึ่งไม่ว่าความรักนั้นจะมาจากผู้ชายคนหนึ่ง ผู้หญิงสองคน หรือคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่มีความรัก
คนทั่วไปจะเข้าใจและยอมรับสิ่งที่คุ้นเคยได้ง่ายกว่าสิ่งที่ไม่คุ้น เช่น หากคุณรู้จักหรือมีเพื่อนที่รักเพศเดียวกัน คุณก็อาจจะคิดว่าอะไรกันทำไมบางคนถึงได้รังเกียจคนรักร่วมเพศ ตอนนี้หลายคนในประเทศไทยได้รู้เรื่องของพวกเรา รู้จักพวกเรา รู้ว่าความรักสำคัญแค่ไหน และรู้ว่าผู้ชายสองคนก็สามารถเป็นผู้ปกครองที่มอบความรักให้ลูกได้ ดังนั้นเราหวังว่าก้าวต่อไปของประเทศไทยคือการกำหนดให้การแต่งงานระหว่างบุคคลเพศเดียวกันเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย เพราะทุกวันนี้มีชาวไทยที่เป็นคู่รักเพศเดียวกันมากมายที่มีลูก พวกเขาสมควรจะได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมเหมือนกันกับพ่อแม่คนอื่น ๆ ในฐานะผู้ปกครองของเด็ก และตัวเด็กเองก็ควรจะได้รับสิทธิและการปกป้องทางกฏหมายเหมือนเด็กที่มีพ่อแม่ตามกฏหมายคนอื่น ๆ เหมือนกับที่อัลบาโรได้รับ และคาร์เมนกำลังจะได้รับ
นอกจากข่าวดีเรื่องผลการพิจารณาของศาลที่ให้สิทธิผู้ปกครองคาร์เมนกับเราแล้ว เราอยากพูดถึงอีกคดี คือกรณีหมิ่นประมาท เมื่อซักครู่นี้ผมพูดว่าพวกเรารู้แล้วว่าคงจะต้องต่อสู้เพื่อพาคาร์เมนกลับบ้าน แต่เราไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องเจอกับการต่อสู้ที่สกปรก เรารู้ว่าเราจะโดนเรียกว่าพวกเกย์ เพราะเราก็เป็นเกย์ แต่เราไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อยว่า เราจะโดนกล่าวหาว่าเป็นพวกค้ามนุษย์ พวกเขาพยายามทำลายชื่อเสียงของเรา เพื่อให้รัฐบาล สื่อ และคนไทยต่อต้านเรา สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำที่ผิด และผิดกฏหมาย
นอกจากนี้ คุณวีรุทัย มณีนุชเนตร ที่ปรึกษาทางกฎหมายของหญิงอุ้มบุญ เธอคิดว่าเรื่องราวของพวกเราจะเป็นแบบเดียวกับการอุ้มบุญน้องแกมมี่ เธอทำลายชีวิตของเราโดยหวังใช้เรื่องของเราทำให้เธอเป็นคนมีชื่อเสียง นี่เป็นการกระทำที่ผิด ผิดอย่างมากและผิดกฎหมายด้วย และไม่ควรละเว้นโทษไม่อย่างนั้นก็จะเกิดเรื่องแบบนี้กับคนอื่นอีก นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมบ้านเมืองจึงต้องมีกฎหมาย และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจะยังดำเนินการทางกฎหมายกรณีหมิ่นประมาทอยู่ เพราะเราเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อประเทศไทยต่อไป
ท้ายสุด พวกเราขอขอบคุณกว่า 2 แสนรายชื่อผู้สนับสนุนบน Change.org ขอบคุณทีมงาน Change.org ทั้งในประเทศไทยและประเทศสเปน โดยเฉพาะ คุณหทัย คุณเซอจิโอ และคุณพาโค ที่ให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ช่วยกระจายเรื่องของเราให้ทุกคนได้รู้ จนกลายเป็นพลังผ่านทุกการลงชื่อสนับสนุน และยังช่วยเหลือทางด้านสถานที่ในการจัดงานวันนี้ด้วย
พวกเราเริ่มแคมเปญรณรงค์บน Change.org เพื่อหาทางนำคาร์เมนลูกสาวของพวกเรากลับบ้าน เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว นี่ผ่านมาแล้ว 11 เดือน วันนี้ พวกเราขอคลิกปุ่ม “ประกาศชัยชนะ” บนแคมเปญของเราที่ Change.org เพื่อฉลองความสำเร็จในการต่อสู้เพื่อพาคาร์เมนกลับบ้านของเราสักที
ที่มา: https://www.facebook.com/bringcarmenhome/?fref=ts