ตำนานหลอน “ศุกร์ที่ 13” ทำไมถึงอาถรรพ์???

5786

ทำไม? จึงมีคนกล่าวขานกันว่า “วันศุกร์ 13” ถึงเป็นวันที่ไม่ดีที่สุดของปีนั้นๆ นั่นเป็นเพราะตำนานเรื่องเล่าอันเป็นจุดกำเนิดของ “อาถรรพ์ ศุกร์ 13″ ซึ่งเป็นความเชื่อมาจากฝรั่ง (แต่คนไทยก็เชื่อตามไปซะอย่างนั้น ทั้งที่ไม่เกี่ยวกันเลย) โดยเฉพาะชาวคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ที่เห็นว่า เลข 13 เป็นเลขแห่งความโชคร้าย จะลงมือทำการสิ่งใดในวันนี้ก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ

เนื่องจากวันดังกล่าว มาจากอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู (The Last Supper) โดยเชื่อกันว่าในอาหารมื้อนั้นมีสาวกเป็นผู้ร่วมรับประทานอาหารกับพระองค์ 12 คน รวมพระองค์ด้วยเป็น 13 คน ก่อนที่พระองค์จะถูกนำไปตรึงบนไม้กางเขนในวัน “ศุกร์ประเสริฐ” หรือ Good Friday

p18bl4i3k91qh61p1j2u419ej1roi3

ในขณะที่อีกความเชื่อหนึ่งกล่าวว่า วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 1307 เป็นวันที่พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ได้สั่งจับกุมตัวบรรดาอัศวินเทมพลาร์ชาวฝรั่งเศสจำนวนหลายร้อยคนไป ก่อนจะนำตัวไปทรมานและสังหาร เพื่อนำทรัพย์สินของพวกเขามาเป็นของฝรั่งเศส

ศุกร์ 13 จะเป็นอาถรรพ์หรือเปล่าไม่มีใครตอบได้ แต่นักจิตวิทยาพบว่า บางคนมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือล้มป่วยในวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งมีเหตุผลเป็นวิทยาศาสตร์ว่า มันเป็นเพราะบางคนเกิดจิตตกจนเสียจริต หวาดผวาและกลัวศุกร์ที่ 13 จนขึ้นสมอง กลายเป็น “โรคกลัววันศุกร์ที่ 13” หรือที่ในทางจิตวิทยาเรียกโรคนี้ว่า “พาราสเคฟดิคาเทรียโฟเบีย” (paraskevidekatriaphobia) หรือโรค “ฟริกกาทริสไคเดคาโฟเบีย” (friggatriskaidekaphobia) ทำให้สิ่งร้ายๆ เกิดขึ้นในวันนี้ถี่กว่าปกติ อันมาจากความหวาดระแวง กังวล และกลัวจนทำให้จิตตก หรือหวาดหวั่นจนเกินเหตุ กลายเป็นทำให้สมาธิและประสิทธิภาพในการทำอะไรๆ ลดลง เป็นผลให้เกิดอุบัติเหตุหรือเรื่องไม่ดีขึ้นนั่นเอง

แน่นอนว่าเรื่องราวความหลอนประสาทของเลขที่ 13 ในวันศุกร์ ยังมีตำนานเล่าขานให้ขนพองสยองเกล้ากันมิรู้จบด้วย เช่น ตำนาน “แขกคนที่ 13 ของ “ชาวนอร์ส” ในดินแดนสแกนดิเนเวียที่เกี่ยวกับเทพ 12 องค์ ที่มารวมกันจัดงานเลี้ยงในห้องโถงของเอกีร์ เทพแห่งมหาสมุทร แล้วเทพแห่งไฟที่ชื่อ “โลกิ” ซึ่งไม่ได้รับเชิญมาร่วมงานจึงโกรธ เลยพังประตูรั้วเข้ามาในงาน ในฐานะแขกคนที่ 13 และให้ “เทพฮอด” ซึ่งเป็นเทพแห่งความมืดมิดเพราะตาบอด โยนกิ่งของพืชกาฝากใส่ “บาลเดอร์” เทพแห่งความสุขและความยินดี จนบาลเดอร์สิ้นลมหายใจไปในทันที จนทำให้โลกต้องตกอยู่ในความมืดมิดและความเศร้าสลด

ส่วนตำนาน 13 คนบนโต๊ะอาหาร” เล่าว่า ถ้าหากมีคนทานข้าวร่วมกันบนโต๊ะอาหาร 13 คน ถือเป็นลางร้าย คนใดคนหนึ่งที่ลุกออกจากโต๊ะไปก่อนจะต้องตายหลังจากนั้น ความเชื่อนี้อ้างจากอาหารค่ำมื้อสุดท้าย (The Last Supper) ที่พระเยซูคริสต์ทรงเสวยพระกระยาหารร่วมกับสาวก 12 คน และพระองค์ (คนที่ 13) ก็สวรรคตหลังจากนั้นไม่นาน

“วันศุกร์แห่งการประหาร” เป็นอีกตำนานที่น่าจะมาจากการที่พระเยซูถูกนำไปตรึงกางเขนในวันศุกร์ แต่ในบางตำราของฝรั่งก็กล่าวว่า “วันศุกร์” เป็นวันที่ใช้ประหารนักโทษ ทั้งยังถือว่าเป็นวัน “ทิป ทอด เดย์” (Tip Tod Day) หมายความว่าเป็น “วันปีศาจ” ชาวประมงในสมัยก่อนจึงไม่ออกทะเลกันในวันศุกร์

maxresdefault

เพราะตำนานต่างๆ นี่เอง ทำให้ชาวคริสต์ที่มีความเชื่อนี้เกิดความหวาดผวาอาถรรพ์ศุกร์ที่ 13 จึงมีการแก้เคล็ดด้วยการเรียกเลข 13 ว่า “ลัคกี้นัมเบอร์” Lucky Number แต่กระนั้นเมื่อถึงวันศุกร์ที่ 13 เมื่อไหร่ ผู้คนที่ยังมีความเชื่อเรื่องโชคลาง ต่างก็ต้องหวาดผวากับวันนี้ ยิ่งมีการนำตำนานอาถรรพ์ดังกล่าวไปผูกโยงเรื่องราวสร้างเป็นภาพยนตร์สยองขวัญ “ศุกร์ที่ 13 ฝันหวาน” ก็ยิ่งตอกย้ำความกลัวอาถรรพ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้น

ขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงจนถูกสร้างภาคต่อออกมาอีกหลายภาค ซึ่งล้วนประสบความสำเร็จต่อเนื่อง จนทำให้คาแร็คเตอร์ของตัวละครสำคัญในเรื่องอย่าง “เจสัน” แจ้งเกิด กลายเป็นเจ้าตำรับผีสุดเฮี้ยนที่ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตายซะที กลายเป็นขึ้นหิ้งผีระดับตำนานของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดไปเลย!

เรื่อง: กาลิค เดอะ วิธช์