ส่อง 6 ออฟฟิศสุดชิคไอเดียเจิด-สวรรค์ของคนทำงาน

2135

ชีวิตประจำวันของมนุษย์เงินเดือน เวลาส่วนใหญ่มักหมดไปในที่ทำงาน หรือในออฟฟิศ ดังนั้นบรรยากาศในการทำงานจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานของเหล่าพนักงาน ออฟฟิศที่ออกแบบเจ๋งๆ ให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นต่างๆ หรือใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงไอเดียการตกแต่งที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงความสะดวกสบายของคนทำงาน ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นออฟฟิศที่ทำให้ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากเข้าไปร่วมงานด้วย bkk variety ไปตามส่อง 6 ออฟฟิศเก๋ไอเดียบรรเจิดสุดๆ ในกรุงเทพมหานคร ที่มีคุณสมบัติครบครันทั้งในแง่การออกแบบ การผสมผสานศิลปะ ความทันสมัย การประหยัดพลังงาน การจัดสรรพื้นที่อย่างคุ้มค่าทั้งพื้นที่ของคนทำงานและพื้นที่สันทนาการเพื่อการผ่อนคลาย อาทิ โซนสวัสดิการต่างๆ  ทั้งหมดนี้จึงทำให้ออฟฟิศทั้ง 6 แห่งกลายเป็นสวรรค์ของคนทำงาน

Google Thailand (อาคารปาร์ค เวนเจอร์ อีโคเพล็กซ์ ถ.เพลินจิต)googleกูเกิลเคยได้รับรางวัล “บริษัทที่น่าทำงานที่สุดในโลกประจำปี 2014” จากนิตยสาร Fortune มาแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้กูเกิลเคยติดอยู่ในลิสต์ของรางวัลนี้มาตลอด 7 ปี โดยครองอันดับหนึ่งถึง 5 ปี เมื่อขยายมาเปิดสาขาในเมืองไทย การตกแต่งออฟฟิศที่นี่จึงสอดแทรกอะไรไทยๆ เข้าไปเป็นกิมมิคด้วย เช่น รถตุ๊กตุ๊กบริเวณล็อบบี้ ส่วนโลโก้ของกูเกิลที่ติดอยู่ด้านหน้าก็ใช้รูปลักษณ์ประเทศไทยเข้าไปใช้แทนตัว g เป็นไอเดียสุดสร้างสรรค์ที่ลงตัวมากๆ ส่วนพื้นที่ทำงานของออฟฟิศนี้เป็นแบบ Open ทั้งหมด ไม่มีใครมีห้องทำงานส่วนตัว แม้แต่ผู้บริหารก็นั่งทำงานในพื้นที่เปิดร่วมกับ Googler คนอื่นๆ ที่นี่พนักงานทุกคนจะมี Badge ที่สามารถใช้เข้าสำนักงานของกูเกิลได้ทุกแห่งทั่วโลก ด้านในมีมุมพักผ่อนชิลๆ มีความบันเทิง อาทิ เครื่องเล่นเกม โต๊ะพูล มีลู่วิ่งให้ออกกำลังกายในออฟฟิศ ที่สามารถจะใช้เวลาใดก็ได้ อีกส่วนคือ Micro Kitchen โซนนี้มีขนมนมเนย เครื่องดื่มร้อนเย็นต่างๆ ไว้ให้พนักงานเดินมาหยิบกินกันได้ฟรีๆ ตลอดวัน และส่วนห้องอาหารที่มีทั้งอาหารเช้า กลางวัน เย็น บริการฟรีอีกเช่นกัน แขกที่มาเยือนออฟฟิศก็สามารถใช้บริการที่นี่ได้ฟรีด้วย อีกส่วนที่สำคัญสำหรับบริษัทแนวนี้คือมุม Tech Stop ที่ทางกูเกิลเตรียมไว้ให้พนักงานได้เบิก-ซ่อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทดแทนตัวที่ชำรุด และคอยดูแลปัญหาทางเทคนิคให้กับพนักงานตลอดเวลา ช่างสมกับเป็นหนึ่งในบริษัทดีเด่นที่ขึ้นชื่อว่า เป็นบริษัทที่มีคนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดในโลกจริงๆ !!

CMO Group (ถ.เกษตร-นวมินทร์)CMOบริษัทออร์แกไนซ์เซอร์มือหนึ่งที่มีผลงานจัดอีเวนต์ระดับประเทศมาแล้วหลายต่อหลายงาน CMO Group บริษัทที่ใครๆ ก็พูดถึงว่ามีออฟฟิศสวยและแปลกกว่าใครด้วยการออกแบบตึกรูปทรงเป็นบล็อก โอบล้อมด้วยสวนเซนแบบญี่ปุ่น มีห้องประชุมเรียงรายมากถึง 13 ห้อง และยังเป็นออฟฟิศที่ผสานงานศิลป์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งภายใน มีส่วนพิพิธภัณฑ์ “ศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพ” อยู่ด้านบนของอาคาร ด้านล่างเป็นพื้นที่ออฟฟิศแนวโมเดิร์น ออกแบบเพดานเป็นกระจกโปร่งแสงที่ให้แสงสว่างจนไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ มีมุม Hangout ให้พนักงานได้นั่งผ่อนคลาย พร้อมเครื่องดื่มชากาแฟตลอดวัน อีกด้านแบ่งพื้นที่เป็นสตูดิโอขนาดใหญ่ CMO ยังมีบริษัทลูกอย่าง The Eyes ที่ดูแลด้านสื่อ Multimedia ออฟฟิศส่วนนี้มีทั้งส่วน outdoor และ indoor ที่ออกแบบอาคารให้ช่วยลดความร้อนภายในจึงประหยัดไฟมากขึ้น อาคารสุดท้ายเป็นส่วนของออฟฟิศที่ให้บริการอุปกรณ์สำหรับใช้ในงานออร์แกไนซ์ต่างๆ เสมือนโกดังเก็บของ แต่โกดังที่นี่ไม่ธรรมดา!เขาแต่งด้านบนเป็นออฟฟิศเรียบหรูดูดี ชั้นกลางเป็นทางเดินยาว ด้านล่างเป็นที่ขนส่งของขึ้นรถ ส่วนด้านหลังเป็นพื้นที่กว้างขวางใช้เก็บอุปกรณ์ต่างๆ มีกระจกบานใหญ่ช่วยให้ดูโปร่งขึ้นอีก ที่เก๋คือ วิวต้นไม้ใหญ่ที่มองผ่านกระจกออกไปเห็นสีเขียวสบายตา นอกจากทั้ง 3 อาคารแล้วยังมีห้องอาหาร ห้องฟิตเนสสำหรับพนักงานใช้บริการฟรี(แถมมีเทรนเนอร์แบบ Full-time มาคอยดูแลอีกด้วย…แม่เจ้า!!) ไม่แค่นั้น ออฟฟิศนี้ยังมีห้องซ้อมดนตรีที่ทำเป็นห้องเก็บเสียงตั้งอยู่ใจกลางออฟฟิศ มีจักรยานให้พนักงานขี่ไปมาระหว่างอาคารได้ กิจกรรมหลังเลิกงานก็มีทั้ง โยคะ เล่นดนตรี และกีฬาต่างๆ ….เรียกว่าครบครันยันเลิกงาน ก็ยังไม่อยากกลับบ้านก็แล้วกัน!

DTAC (ชั้น 32-34,38 จามจุรีสแควร์, สามย่าน)dtacKnight Frank บริษัทที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก ได้มีการจัด 10 สำนักงานที่น่าประทับใจที่สุดในโลก (The 10 most impressive offices in the world) และหนึ่งในสำนักงานที่ติดอันดับนั้น มีมาจากประเทศไทยด้วยนั่นคือ Dtac ออฟฟิศนี้สะดวกตั้งแต่การเดินทางมาทำงานของบรรดาพนักงาน เพราะ DTAC Head Office ตั้งอยู่ที่ จามจุรีสแควร์ มุมสี่แยกสามย่าน ติดกับรถไฟฟ้าใต้ดิน อยู่บนชั้นที่ 32-34 และมีชั้น 38 อีกชั้นที่จัดให้เป็นส่วนเอนเตอร์เทนหลังเลิกงาน คอนเซ็ปต์การออกแบบออฟฟิศของ dtac เน้นให้พนักงานรู้สึกถึงความมีอิสระในการทำงาน ไม่จำกัดแค่นั่งทำงานที่โต๊ะตัวเองแค่นั้น เราจึงได้เห็นสไลด์เดอร์ให้พนักงานไว้เล่นแก้เครียด พื้นที่ในออฟฟิศส่วนใหญ่จัดให้สำหรับพนักงานไว้ใช้งานทั้งส่วนสวัสดิการพนักงาน อาทิ ห้องเด็กเล่น ห้องให้นมบุตร ห้องละหมาด ส่วนห้องผู้บริหารของที่นี่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เพราะไปเน้นความสะดวกสบายให้กับคนทำงานซะมากกว่า และเพราะอยู่บนอาคารสูง พนักงานออฟฟิศนี้เลยได้ชมวิวสบายตาสบายใจ ฝั่งหนึ่งมองเห็นต้นไม้เขียวครึ้มของจุฬาฯ และสวนลุมพินี อีกฝั่งมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ลิบๆ การออกแบบตกแต่งของออฟฟิศนี้ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย อาทิ กระจกเป็นแบบ 2 ชั้น ช่วยกันความร้อนจากด้านนอกไม่ให้แอร์ทำงานหนักเกินไป ใช้หลอดไฟ T5 ประหยัดไฟ พรมที่ใช้ในออฟฟิศทั้งหมดทำจากขวดน้ำพลาสติกรีไซเคิล ช่วยเก็บเสียงจากการเดินได้ดี ส่วนเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งแต่ละชิ้นเป็นสไตล์โมเดิร์นที่ 80% ผลิตในเมืองไทย ส่วนชั้น 38 โซนบันเทิงที่ว่า เขาจัดให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ มีตั้งแต่ฟิตเนส โยคะ ตีปิงปอง สนุ๊กเกอร์ ลู่วิ่ง สนามฟุตซอลในร่ม กระทั่งห้องร้องคาราโอเกะ….ไม่ต้องกลับบ้านกันแล้วแบบนี้!!

LINE Thailand (ตึกเอ็มไพร์ ถ.สาทร)lineมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งสุดๆ ต้องออฟฟิศนี้ แค่เดินเข้ามาก็จะพบกับตัวการ์ตูนยักษ์หมีบราวน์ กระต่ายโคนี่ และผองเพื่อน ยืนยิ้มต้อนรับอยู่หน้าออฟฟิศ การตกแต่งภายในมีการดีไซน์คล้ายๆ กับสำนักงานใหญ่ที่เกาหลี คือนำคาแรคเตอร์ของเหล่าตัวการ์ตูนมาวางตกแต่งกระจายอยู่แทบทุกมุมของออฟฟิศ เช่น ห้องประชุมก็ตั้งชื่อตามการ์ตูน และตกแต่งประตูหน้าห้องเป็นหน้าคาแรคเตอร์ LINE สีสันสดใส แถมแต่ละห้องก็ไฮเทคสมกับเป็นเจ้าแห่งแพลตฟอร์ม อย่างในห้องประชุม Sally และ James จะมีระบบ Teleconference ไว้วิดีโอคอลล์คุยงานกับทางเกาหลี ออฟฟิศในไทยยังมีภาพวาด LINE FRIENDS กับรถตุ๊กๆ ขนาดใหญ่ ที่ครีเอทขึ้นเพื่อเป็นเอกลักษณ์ของสาขาไทยโดยเฉพาะด้วย  ออฟฟิศที่นี่ยังเน้นสร้างความสุขให้พนักงานด้วยการสร้างบรรยากาศแวดล้อมที่ให้ความรู้สึกสบายตาสบายใจ จึงใช้โทนสีเขียวเป็นธีมหลัก เฟอร์นิเจอร์แทบทุกชิ้นสีสันสดใส พรมปูพื้นเหมือนทุ่งหญ้าเพื่อให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นธรรมชาติ มีโซนให้พนักงานได้นั่งหย่อนใจคลายเครียด อาทิ Cafeteria เก้าอี้หลากสีสำหรับให้พนักงานนั่งทานอาหารเช้า/เย็น มีมุมกระจกใสไว้นั่งชมวิวเมืองกรุง และยังมีเครื่องทำกาแฟคั่วบดแนวฮิปๆ พร้อมเครื่องดื่มสุขภาพต่างๆ ในตู้เย็นไว้คอยบริการ และไม่ขาดขนมขบเคี้ยวที่พร้อมให้หยิบได้ตลอดวัน ไม่มีพร่องกันเลยแหละ ดูๆ ไปก็เหมือนมาเที่ยวสวนสนุกนะเนี่ย….

Sun System (ลาดพร้าว ซ.1 ถ.ลาดพร้าว)sun systemออฟฟิศนี้เป็นบริษัทเกี่ยวกับด้านเทเลคอมซอฟต์แวร์ ดูแลระบบชุมสายเกี่ยวกับการบริการทางโทรศัพท์ จึงต้องมีพนักงานกะต่างๆ คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการสร้างออฟฟิศที่ต้องมีรูปแบบตอบโจทย์กับระบบการทำงานที่ต่อเนื่องเช่นนี้ เริ่มจากจุดสำคัญประการแรกคือ ที่ตั้งออฟฟิศต้องใกล้ BTS เพราะสามารถเดินทางไปหาลูกค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ประการที่สอง สถานที่ทำงานต้องให้ความรู้สึกถึงการมีตัวตน เพราะงานซอฟต์แวร์ไม่สามารถจับต้องได้ จึงสร้างตัวออฟฟิศให้เป็นตึกขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านในทรงลูกบาศก์สีดำ เพื่อบ่งบอกถึงเสถียรภาพของการทำงานที่มั่นคง การตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียลลอฟท์โทนสีเทาดำนิ่งสงบ พร้อมรู้สึกโล่งโปร่งกว้างขวางด้วยหลังคาสูงถึง 5 เมตร ตัดทอนความนิ่งเรียบด้วยโทนสีส้มจากเซ็ตโซฟาในมุมต่างๆ สำหรับนั่งจิบกาแฟ ม่านริ้วพลาสติกสีส้มกั้นห้องเวิร์คช๊อป ส่วนบรรยากาศภายในที่นี่เน้นสร้างบรรยากาศที่ทำให้พนักงานทุกคนรู้สึกไม่ตึงเครียด เริ่มต้นจากการออกแบบอาคารแบบโอเพ่นสเปซ เพื่อให้พนักงานมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น ไม่มีลิฟต์ ไม่มีพาเทชั่นกั้นโต๊ะทำงาน มีที่จอดรถจักรยาน มีห้องออกกำลังกาย ห้องอาบน้ำ หรือแม้กระทั่งห้องนอนสำหรับพนักงานที่ต้องเข้ากะดึก และต้องทำงานข้ามคืน ออฟฟิศนี้แถมด้วยไอเดียสันทนาการสุดเก๋ไม่มีใครเหมือน คือการนำตู้พินบอลแบบคลาสสิกมาตั้งไว้ให้พนักงานเล่นคลายเครียด ไปจนถึงการแจกไอศกรีมฟรีให้กับพนักงานทุกคน ที่สามารถกินได้ตลอดเวลาแม้แต่ตอนเข้าห้องประชุมก็ตาม! ….ไม่มีใครเหมือนจริงๆ ออฟฟิศนี้

Saatchi & Saatchi Thailand (อาคารสินธร ทาวเวอร์3 ชั้น12 ถ.วิทยุ)

saatchi

สำหรับวงการโฆษณาแล้ว Saatchi & Saatchi คือชื่อของเอเจนซี่โฆษณาระดับโลก ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เอเจนซี่โฆษณาเท่านั้นแต่ยังวางตัวเป็นคอนเทนครีเอชั่นให้กับแบรนด์ดังมากมายด้วย Saatchi & Saatchi (Thailand) ย้ายบริษัทครั้งใหญ่มาอยู่บนอาคารสินธร ทาวเวอร์ 3 ได้เปลี่ยนพื้นที่ 500 ตารางเมตร ให้เป็นออฟฟิศแห่งความสนุกและเต็มไปด้วยชีวิชีวาสำหรับพนักงานที่เป็นคนรุ่นใหม่กว่าครึ่งร้อย จุดสำคัญคือ ออฟฟิศนี้จัดสรรพื้นที่ให้พนักงานนักปั่นตัวยงกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัท ตั้งแต่ทางเข้าจนถึงบริเวณจุดจอดจักรยานด้านในจึงมีทางเดินกว้างที่สามารถจูงจักรยานไปรอบ ๆ ออฟฟิศได้สะดวก มีห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับพนักงานที่ปั่นมาทำงาน และเพื่อให้พนักงานทุกคนทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเหมือนครอบครัวเดียวกัน ภายในจึงออกแบบเป็นโอเพ่นสเปซ ไม่มีแม้กระทั่งห้องผู้บริหาร ทุกคนมองเห็นกัน ได้ยินกัน เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนแชร์ไอเดียกันได้ตลอดเวลาโดยไม่มีการแบ่งแยก เป็นออฟฟิศที่สร้างขึ้นมาเพื่อการทำงานแบบครอบครัวโดยแท้จริง พื้นที่ใช้สอยต่างๆ ที่เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงาน ไม่ว่า มุมบริการอาหาร/เครื่องดื่ม มุมผ่อนคลาย แม้แต่โต๊ะประชุมงานแบบอบอุ่นกันเอง ทุกสิ่งจัดสรรไว้เพื่อพนักงานทุกคนในออฟฟิศนี้ได้ใช้แบ่งปันกันเสมือนบ้านหลังที่สองของพวกเขาจริงๆ