คนทั่วโลกตั้งตาชมปรากฎการณ์พิเศษ “ซูเปอร์มูน” ในช่วงค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 27 ถึงช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 28 กันยายนนี้ โดยดวงจันทร์จะเข้าสู่ห้วงเงามืดของโลกจนเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงครั้งแรกในรอบ 33 ปี ซึ่งครั้งนี้ดวงจันทร์จะโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด จนทำให้เห็นดวงจันทร์ขนาดใหญ่และสว่างกว่าปกติ
การเกิดซูเปอร์มูน (Super Moon) ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเข้าใกล้ของดวงจันทร์ที่โคจรใกล้โลกมากที่สุดแล้ว ยังจะเกิดปรากฏการณ์พิเศษร่วมด้วย นั่นคือ จันทรคราสหรือจันทรุปราคาแบบเต็มดวง อันเกิดจากการโคจรของดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ ที่มาเรียงตัวในแนวเดียวกัน จนทำให้เกิดเงาของโลกทาบทับบดบังดวงจันทร์นั่นเอง ซึ่งปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นคือ เมื่อปี 2525 และหลังจากนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2576 หรืออีก 18 ปีข้างหน้า
ปรากฎการณ์ซูเปอร์มูนที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ จะอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งทัศนวิสัยในการมองเห็นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่แต่ละภูมิภาค โดยพื้นที่หลักที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนคือ อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา และเอเชียฝั่งตะวันตก ส่วนฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างประเทศไทย อาจมองเห็นได้ไม่ชัดนัก ซึ่งอาจจะต้องใช้กล้องเป็นตัวช่วย แต่หากวันอาทิตย์นี้สภาพอากาศดี ท้องฟ้าปลอดโปร่ง คนไทยก็จะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเช่นกัน
โซนเวลาที่จะสามารถมองเห็นซูเปอร์มูน (ไทยอยู่ในโซนแปซิฟิก)
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ เปิดเผยว่า ซูเปอร์มูนครั้งนี้จะสามารถมองเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงเป็นสีแดงอิฐขนาดใหญ่กว่าปกติ ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นเพียง 5 ครั้งเท่านั้น ได้แก่ ปีพ.ศ.2453, 2471, 2489, 2507, 2525 และครั้งที่ 6 คือในวันที่ 27-28 กันยายน 2558 นี้ และจะเกิดครั้งต่อไปในปีพ.ศ.2576 ถึงแม้คนไทยจะพลาดชมจันทรุปราคาเต็มดวง แต่ในคืนวันอาทิตย์ เราจะยังได้เห็นปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี จึงขอเชิญชวนรอชมและเก็บภาพความสวยงามของ “ซูเปอร์มูน” ได้ทั่วประเทศ
