สำหรับทาสแมว คงจะเคยประสบกับปัญหาแมวเป็นเชื้อรา ซึ่งเป็นโรคหนึ่งที่พบบ่อยกับแมวแทบทุกตัว และทุกครั้งที่น้องแมวเป็นเชื้อราก็ทำให้บรรดาทาสแมวปวดหัวกันไปตาม ๆ กัน เพราะถ้าควบคุมได้ก็ดีไป แต่หากว่าเชื้อรายิ่งลามไป อาจจะเป็นเรื่องใหญ่แบบไม่รู้ตัว
สาเหตุ
สาเหตุหลักที่สำคัญที่ทำให้แมวเป็นเชื้อราเกิดจากความชื้นที่สะสมบนชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดเชื้อรา Microsporum canis ขึ้นมา ทำให้ขนหลุดเป็นหย่อม ๆ และบางตัวมีอาการตกสะเก็ดร่วมด้วย ซึ่งจากหนึ่งอาจจะลามไปสองและอาจจะลามไปทั้งตัว และมักพบในแมวขนยาวมากกว่าแมวขนสั้น ที่สำคัญยังสามารถติดต่อไปสู่คนได้อีกด้วย
อาการที่สามารถสังเกตได้
สำหรับแมว อาการแมวเป็นเชื้อราสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ เนื่องจากจะมีขนร่วงเป็นหย่อม ๆ และในบริเวณดังกล่าวจะมีอาการแดง และผิวหนังแห้งผิดปกติ ซึ่งบางตัวอาจจะมีอาการตกสะเก็ดร่วมด้วย ดังนั้น หากน้องแมวมีอาการขนร่วงเป็นหย่อม ๆ ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์จะดีกว่า เพื่อที่จะวินิจฉัยอาการและได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
ข้อควรปฏิบัติเมื่อแมวเป็นเชื้อรา
เมื่อเราพบว่าแมวตัวใดตัวหนึ่งของเราเป็นเชื้อรา ให้เราแยกแมวตัวที่เป็นเชื้อราออกจากแมวตัวอื่น เนื่องจากสามารถติดต่อกันได้ ผ่านการสัมผัสและการเลีย และหากว่าเป็นไปได้ให้นำแมวเราที่เหลือไปทำการเพาะเชื้อ เพื่อดูว่าแมวตัวอื่น ๆ มีเชื้อราหรือไม่ เพื่อความแน่ใจ และไม่ได้ติดต่อกันทุกตัว
จากนั้นให้แมวที่ป่วยกินยาที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด และให้อาบน้ำน้องแมวด้วยแชมพูฆ่าเชื้อตามความถี่ที่สัตวแพทย์แนะนำ และที่สำคัญคือ หลังอาบน้ำแล้ว จะต้องเป่าขนให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันไม่ให้แมวเป็นเชื้อรามากขึ้นนั่นเอง
ทำความสะอาดผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของน้องแมวที่เป็นเชื้อราทั้งหมด ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันสปอร์ที่ติดตามผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ
สามารถติดต่อมาสู่คนได้!!
หากว่าแมวเป็นเชื้อรา ไม่ใช่แค่แมวที่เลี้ยงอยู่ สามารถติดต่อถึงกันได้ แต่เชื้อราสามารถติดต่อสู่คนได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ อยู่ในช่วงที่ภูมิตก ผู้สูงอายุ หรือเด็กที่ภูมิคุ้มกันไม่สูงมาก ดังนั้น เมื่อจับแมวที่เป็นเชื้อราควรจะล้างมือให้สะอาด และไม่ควรให้ของใช้มาปะปนกัน
แมวเป็นเชื้อรา อาจจะเป็นโรคที่ดูเหมือนว่าจะไม่ร้ายแรง แต่สามารถทำให้เราปวดหัว เพราะต้องทั้งป้อนยา ทั้งอาบน้ำ และเป่าขน ที่สำคัญยังสามารถติดต่อได้ทั้งคนและแมว เราจึงต้องดูแลและระมัดระวังเป็นพิเศษ
